วันนี้ขอนำทบทวนโอวาทของหลวงพ่อทัตตชีโว ที่ท่านเมตตาให้ต่อสามเณรเปรียญธรรม 9 รูป ที่เตรียมบวชอุทิศชีวิตไว้ในพระพุทธศาสนา ในวันวิสาขบููชาปีพุทธศักราช 2553 เพื่อเป็นแนวทางในการฝึกตัวของพระนวกะในช่วงเข้าพรรษาปีนี้ ว่าควรปฏิบัติตนเช่นไรให้สมกับเป็นบุตรพระชินสีห์
ความว่า
พวกเราทุกรูปมีโอกาสได้บวชตั้งแต่อายุยังน้อย
ได้เรียนรู้เรื่องบุญ เรื่องบาปตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ต้องไปก่อเวรยิงนกตกปลา
ไม่ต้องไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ไม่ต้องไปหานรกเข้าตัวแบบชาวโลก
ก็ขอให้เราตระหนักถึงความโชคดีของเราไว้ให้มาก
เมื่อพวกเราทุกรูปมีบุญได้บวชกันตั้งแต่อายุ
๑๒-๑๓ ปี จนกระทั่งวันนี้บวชเป็นสามเณรผ่านมา ๙-๑๐ ปีแล้ว
และกำลังจะได้บวชเป็นพระภิกษุสมความปรารถนา
ต้องถือว่าเป็นการบวชที่ประสบการณ์ราบรื่น ได้เรียนเต็มที่
ไม่ต้องห่วงเรื่องขบฉันไม่ต้องห่วงเรื่องขาดแคลนตำราเรียน
มีอาจารย์สอนหนังสือไว้พร้อมทั้งหมด สิ่งแวดล้อมมีความเหมาะสมเหลือเกิน
ที่จะสนับสนุนให้เราได้ศึกษาและฝึกฝนทั้งหยาบทั้งละเอียดให้บริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งๆขึ้นไป
การฝึกหยาบ
คือ การเรียนด้านศาสตร์ที่เป็นความรู้ปริยัติ เช่น ภาษาบาลี เป็นต้น
การฝึกละเอียด
คือ การปฏิบัติเพื่อแก้ไขปรับปรุงนิสัยตนเองให้บริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งๆขึ้นไป
บางคนในโลกนี้
ร่ำเรียนกันมาจนพูดได้หลายสิบภาษา
แต่ว่าขาดไปภาษาหนึ่ง นั่นคือ ภาษาคน เพราะมุ่งเอาแต่การเรียนวิชาการ
แต่ยังไม่ได้แก้ไขปรับปรุงนิสัยของตน การฝึกตนจึงต้องฝึกหยาบคู่ไปกับการฝึกละเอียด
มิฉะนั้น จะมีแต่ความรู้ แต่นิสัยจะยังไม่ดี
ในการเรียนของการคณะสงฆ์เรา
แบ่งเป็นสายบาลีกับสายนักธรรม สาเหตุที่แบ่งเป็นสองสายแบบนี้
ก็เพราะต้องการให้พวกเรารู้ว่า เมื่อเรียนภาษาบาลีแล้ว งานที่ต้องทำ
ไม่ใช่แค่การรู้ภาษาบาลี แต่ยังมีงานแก้ไขปรับปรุงตัวเองด้วย
ซึ่งการแก้ไขปรับปรุงตนเองนั้น จะมีสอนอยู่ในสายนักธรรม
ดังนั้นเป้าหมายของสองสายนี้จึงต้องไปร่วมกัน
การเรียนบาลีทำให้ได้รู้จักการแปลภาษาบาลีคล่อง
เพราะพุทธวจนะในการฝึกตนเก็บอยู่ในภาษาบาลี การเรียนนักธรรมเพื่อให้ได้รู้จักการแก้ไขปรับปรุงนิสัยตัวเอง
เพราะการปิดนรก เปิดสวรรค์ไปนิพพานอยู่ที่การฝึกตน
พวกเราโชคดีที่บวชตั้งแต่ยังเล็ก
จนกระทั่งเติบโตได้บวชเป็นพระภิกษุ
จึงต้องรู้หลักการรักษาความเป็นสมณะของตนเองให้ดีว่า บาลีมีไว้ไขภาษา
นักธรรมมีไว้แก้ไขปรับปรุงตนเอง สองอย่างนี้พรากจากกันไม่ได้
ข้อได้เปรียบของการบวชตั้งแต่เล็ก คือ
พวกท่านจะไม่มีขยะในใจ ไม่ต้องไปก่อเวรก่อบาป ไม่ต้องไปเฉียดคุก
เฉียดตะรางเหมือนเด็กชาวโลกบางคน คนที่มาบวชตอนเป็นผู้ใหญ่ กว่าจะเอาขยะในใจที่ติดมาออกไปได้
ต้องใช้คำว่าแทบลากเลือด
สมัยหลวงพ่อเข้าวัดใหม่ๆ ยังไม่ได้บวช
พอหลับตาทำสมาธิ ควายที่เคยฆ่าตอนเรียนสัตวบาล
มันมาดิ้นบนตักให้เห็นเลย กว่าจะล้างขยะออกจากใจได้ ฝึกสมาธิผ่านไปเป็นสิบปี
พวกท่านไม่ต้องมาผ่านเส้นทางนี้ นี่คือความมีโชคของทุกคน
ที่ได้เติบโตอยู่ในเส้นทางที่บริสุทธิ์ผุดผ่องดีงาม
ใบราณบอกว่า
ใจบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาวนั้นเป็นความจริง
หลวงพ่อต้องมาอาศัยคุณยายอาจารย์และหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ช่วยโกยขยะออกจากใจอยู่หลายสิบปี
จึงรอดมานั่งอยู่ได้ตรงนี้ เพราะฉะนั้น
เมื่อหลวงพ่อบวชแล้วจึงปิดหนทางนรกให้ตนเองได้
พวกเราเมื่อบวชเป็นพระใหม่ก็ขอให้ฝึกตนตามหลักสูตรไป
รักษาความโชคดีของเราไว้ให้ได้ อย่าไปเพิ่มขยะให้ใจตนเอง
ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม
คนที่ไม่ได้ฝึกทั้งหยาบและละเอียดควบคู่กันมานั้น
ชะตาชีวิตจะหนีไม่พ้นต้องเป็นคนขยะ เมื่อพวกเราบวชแล้ว ขอให้รักษาธรรมวินัยให้ดี
อะไรที่ผิดธรรมวินัย แม้เพียงนิดเดียวอย่าได้ไปลองทำเด็ดขาด
ต้องรู้จักรักษาความเป็นสมณะของเราให้ดี เผลอไปลองเข้า ไม่รักษาธรรมวินัยให้ดี
เราจะกลายเป็นคนขยะทันที
เพื่อนที่เข้ามาบวชรุ่นเดียวกับเรา
นั่งเรียนเก้าอี้ติดกันกับเรา ใช้โต๊ะตัวเดียวกัน ห้องเรียนเดียวกัน
ใช้กุฏินอนหลังเดียวกันแต่หลุดออกไปก่อนก็มี เพราะเขาไม่ได้ระวังสิ่งเหล่านี้
ซึ่งคือชีวิตของนักบวช เราต้องยืนอยู่บนเส้นทางของธรรมวินัยให้เคร่งครัด
เพราะว่าการรักษาธรรมวินัย คือการรักษาชีวิตพระของเรา
คือการรักษาชีวิตของพระพุทธศาสนาเรา
ดังนั้น เมื่อพวกท่านบวชแล้ว
ก็ขอให้รักษาพระธรรมวินัยให้ดี เพราะการรักษาพระธรรมวินัย คือ
การรักษาชีวิตพระของพวกท่านเอง ก่อนจะไปทำหน้าที่เป็นครูสอนศีลธรรมผู้อื่น
ต้องรู้จักสอนตัวเองให้อยู่ในพระธรรมวินัยให้เป็นก่อน
ถ้ายังรักษาตนเองให้พ้นจากอันตรายไม่เป็น เราจะไปรักษาพระพุทธศาสนา
การจะไปตอบแทนคุณญาติโยมไม่มีทางทำได้ดีต้องรู้จักวิธีที่จะรักษาความเป็นเพชรของเราไว้ไม่ให้กลายเป็นขยะก่อน
จึงจะไปทำหน้าที่ครูสอนศีลธรรมได้
เมื่อเราฝึกทั้งหยาบและละเอียด คือ มีทั้งความรู้และปรับปรุงแก้ไขนิสัยตนเองได้ดีแล้ว การจะก้าวเข้าไปเป็นครูสอนศีลธรรม อย่าเพิ่งไปมองอะไรไกลเกินตัว การทำหน้าที่ของครูสอนศีลธรรมอย่างแท้จริงนั้น คือ การอบรมคนในทิศ 6 ให้เป็นคนดี
เมื่อเราฝึกทั้งหยาบและละเอียด คือ มีทั้งความรู้และปรับปรุงแก้ไขนิสัยตนเองได้ดีแล้ว การจะก้าวเข้าไปเป็นครูสอนศีลธรรม อย่าเพิ่งไปมองอะไรไกลเกินตัว การทำหน้าที่ของครูสอนศีลธรรมอย่างแท้จริงนั้น คือ การอบรมคนในทิศ 6 ให้เป็นคนดี
เราเรียนนักธรรมมาแล้วว่า
หน้าที่พระภิกษุโดยเบื้องต้นมี 2 ประการ
หน้าที่ข้อแรก คือ
ฝึกฝนอบรมตนตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด
หน้าที่ข้อที่สอง คือ
สั่งสอนอบรมประชาชนในสังคมให้มีศีลธรรม
พระพุทธองค์ทรงให้หลักสำคัญไว้แล้วว่า
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา คือ การเผยแผ่ผ่านทิศ 6
พระภิกษุเรามีหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรต่อชาวโลก การที่โลกจะสงบสุขได้
เพราะเราต้องสอนให้แต่ละคนปฏิบัติหน้าที่ในทิศ 6 ให้สมบูรณ์
โดยมีพระเราเป็นต้นแบบศีลธรรม
การที่พระพุทธศาสนาจะยืนหยัดอยู่ได้
ก็ขึ้นอยู่กับว่า ทิศ 6
ของชาวพุทธแต่ละคนมีความเข้มแข็งขนาดไหน
คนที่จะต้องไปทำให้ทิศ 6 ของชาวพุทธเข้มแข็ง ก็คือ
คนที่อยู่ทิศเบื้องบน ซึ่งชาวโลกยกย่องไว้ในฐานะเป็นครูสอนศีลธรรม
การเรียนในห้องเรียนวัดความรู้โดยผ่านผลการสอบ
แต่การทำงานในฐานะครูสอนศีลธรรม วัดความสำเร็จโดยผ่านการสร้างเครือข่ายคนดี
ในฐานะของครูสอนศีลธรรมเราจึงมองข้ามความสำคัญของใครไม่ได้เลย แม้แต่คนงานในวัด
เจ้าหน้าที่ในวัด ก็มองข้ามไม่ได้ เพราะแต่ละคนคือทิศ 6 ที่อยู่รอบตัวเรา
คนที่มองข้ามคนอื่น
ไม่เรียนรู้การทำหน้าที่ครูสอนศีลธรรมให้ครบทั้ง 6
ทิศ ก็ยากจะรักษาตัวเองไว้ได้ ยากจะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้
เพราะคนที่จะมาช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนา ค้ำจุนพระพุทธศาสนา
ปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ว่ามาจากทิศ 6
รอบตัวเรา
ถ้าเราปล่อยให้คนในทิศ 6 รอบตัวเรา ไม่ต้องมากแค่คนใดคนหนึ่ง ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระพุทธศาสนา
เราก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว การบวชของเราไม่ราบรื่นแล้ว
เราอาจจะร่ำเรียนเขียนอ่านมามาก จบการศึกษามาดี แต่ถ้าทิ้งเรื่องการทำหน้าที่ครูสอนศีลธรรมประจำทิศ
6 เท่ากับสอบตกโดยไม่รู้ตัว ถือว่าทำหน้าที่เบื้องต้นของพระภิกษุไม่สมบูรณ์
ดังนั้น
เมื่อเรามีโอกาสได้บวชสามเณรมาตั้งแต่อายุยังน้อย
และได้บวชพระตั้งแต่อายุยังไม่มาก ก็ขอให้รู้ไว้ว่า
เราโชคดีที่ไม่ต้องไปก่อบาปก่อเวรเหมือนกับชาวโลก ไม่ต้องไปหานรกใส่ตัว
ไม่ต้องหาขยะมาเก็บไว้ในใจ เราก็ต้องรักษาความโชคดีของเรานี้ไว้ให้มั่นคง
รักษาตัวเองให้อยู่ในพระธรรมวินัยซึ่งเป็นชีวิตพระของเรา
และทุ่มเทฝึกฝนตนเองไปทั้งหยาบและละเอียด
คือเป็นผู้มีทั้งความรู้และมีศีลธรรมบริสุทธิ์อยู่ในตัว
เมื่อถึงคราวจะต้องทำหน้าที่ครูสอนศีลธรรม เพื่อตอบแทนคุณข้าวปลาอาหารของญาติโยม
เราก็จะรักษาความเป็นพระของเราเป็น และทำหน้าที่ครูสอนศีลธรรมให้แก่ชาวโลก
ด้วยการเป็นกัลยาณมิตรแนะนำการทำหน้าที่ในทิศ 6
ให้ชาวโลกได้สมบูรณ์
ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาก็จะเริ่มแผ่ขยายออกจากตัวเราเป็นศูนย์กลางนั่นเอง.
โอวาทหลวงพ่อทัตตชีโว(คุณครูไม่เล็ก)
28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
การบวชพระทำให้ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาธรรมะ คือ คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เรียนรู้ว่าอะไรดีควรทำ อะไรไม่ดีไม่ควรทำ และได้มีโอกาสฝึกนั่งสมาธิได้เรียนรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต ว่าเราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน ฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีกายวาจาใจใสสะอาดบริสุทธิ์
สามารถเป็นครูสอนศีลธรรมให้กับสาธุชนให้เป็นผู้มีคุณธรรม ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท เป็นผู้คิดดี พูดดี และทำดี ปลอดภัยในสังสารวัฏ การบวชพระ ให้คุณแก่ผู้บวชมากมายขนาดนี้
เกิดมาชาตินี้จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์มีเพศบริสุทธิ์ได้พบพระพุทธศาสนา มีศรัทธาที่จะบวชและได้ทำคุณประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน สมดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า
กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท
ความเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ เป็นการยาก.
ที่มา : ขุททกนิกาย ธรรมบท(ขุ. ธ. 25/39)
เข้าพรรษาปีนี้ เรียนเชิญชายทุกท่านมาบวชเพื่อบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์และเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา บวชเพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา
#ครั้งหนึ่งในชีวิตลูกผู้ชาย ต้องบวชให้ได้อย่างน้อย 1 พรรษา
#บวชฟรีตั้งใจดีได้บุญเยอะ สนใจโทร.02-8311234
ขอขอบคุณที่มาของบทความที่สมบูรณ์
โอวาทหลวงพ่อทัตตชีโว จากหนังสือสุขแบบพระ
พระธรรมวินัยของพระภิกษุสงฆ์ 227 ข้อ
โอวาทหลวงพ่อทัตตชีโว จากหนังสือสุขแบบพระ
พระธรรมวินัยของพระภิกษุสงฆ์ 227 ข้อ
อนุโมทนาบุญกับบทความดีๆแบบนี้ด้วยครับ
ตอบลบพระพุทธศาสนา เข้มแข็งรุ่งเรืองเป็นที่พึ่งแก่มวลมนุษย์ชาติตราบนานเท่านาน #การบวช คือคำตอบที่สำคัญยิ่ง บวชแล้วได้ฝึกตนและเป็นครูสอนศีลธรรมให้กับสาธุชนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม เข้าพรรษาปีนี้มาบวชกันเยอะๆนะคะ สาธุค่ะ
ตอบลบ