ในอีก 9 วันที่จะถึงนี้เป็นวาระสำคัญคือเป็นวันคล้ายวันเกิด คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์
ขนนกยูง (ครูผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวัดพระธรรมกาย) ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่
19 มกราคม พ.ศ. 2562 อายุท่านครบ 110 ปี นอกจากท่านจะเป็นผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกายด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียงสามพันสองร้อยบาทเท่านั้น ท่านยังเป็น "ครู" และเป็น "ผู้อยู่เบื้องหลัง
ความสำเร็จของวัดพระธรรมกาย" อีกด้วย หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ได้เคยกล่าวไว้ว่า
ถ้าไม่มีคุณยายฯก็ไม่มีหลวงพ่อ ไม่มีวัดพระธรรมกาย บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีไว้เพื่อให้พวกเราลูกศิษย์ฯและผู้มีบุญทุกท่านที่มาทีหลังได้ตักตวงสั่งสมบุญสร้างบารมีในวันนี้
วาระอันเป็นมงคลที่จะถึงนี้ขอถือโอกาสประกาศคุณบูชาคุณคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง(ครูผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวัดพระธรรมกาย) ขอน้อมนำคุณธรรมถ้อยคำเพชรถ้อยคำพลอยอันประเสริฐ
12 ประการของคุณยายฯ
มาให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อศึกษาเป็นแนวทางปฏิบัติในการฝึกฝนอบรมตนเอง ให้เป็นผู้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตามท่านเพื่อความสุขและปลอดภัยในการดำเนินชีวิตในสังสารวัฏทั้งภพชาตินี้และภพชาติเบื้องหน้า ดังรายละเอียดที่จักวางไว้ ณ
ที่นี้
คุณธรรมข้อที่ 1มีความบริสุทธิ์กายวาจาใจ
มีวันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่เดินย่อยอาหารหลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ ระหว่างทางมีพระอาจารย์เดินตามเพื่อรับฟังงานไปด้วย
คุณยายฯท่านถามพระอาจารย์ว่า "รู้ไหมเราเกิดมาทำไม"
และหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ก็ตอบทันทีว่า "เราเกิดมาเพื่อทำความบริสุทธิ์
ยิ่งหยุดนิ่งมากก็จะยิ่งบริสุทธิ์มาก พอเราบริสุทธิ์มาก
การจะไปรู้เห็นวิชชาจะยิ่งละเอียดลึกซึ้งมาก รู้ญาณชัดเจนถูกต้อง
และผู้บริสุทธิ์มากต้องนั่งสมาธิมากๆ"
หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่บอกว่า
"คุณยายฯ เหมือนไม้บรรทัด" สิ่งสำคัญ
คือ ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเราเอง คุณยายบอกว่า "คนที่ซื่อตรง
เวลานั่งสมาธิจะเข้ากลางได้ถูกต้อง ไม่เคลื่อนกลาง ไม่แฉลบ ญาณรู้จะแม่นยำ
เที่ยงตรง" ถ้าเราเคลื่อนกลาง หรือแฉลบ
ภาพที่เราเห็นจะผิดจากความเป็นจริง คุณยายบอกว่า "ยายไม่ชอบคนไม่ซื่อ
ไม่ชอบคนไม่สะอาด ไม่บริสุทธิ์ ไม่ชอบคนไม่มีศีล" ยายรักความสะอาดบริสุทธิ์
คนใจสะอาดเท่านั้นถึงจะไปกับยายได้
คุณธรรมข้อที่ 3 ความขยัน
คุณยายฯจะขยันมาก
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะขยันและอดทนทุกอย่าง สมัยเป็นชาวนานาของคุณยายฯจะไม่มีต้นหญ้าและวัชพืชเลย
ตอนที่ทำงานบ้านคุณนายเลี๊ยบท่านทำความสะอาดหมดเกลี้ยง จนได้รับความไว้วางใจ
พอมาอยู่วัดปากน้ำท่านก็ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ท่านบอกว่า
"คนขยันอยู่กับใคร ใครก็รัก" เมื่อมาอยู่วัดพระธรรมกาย
ท่านก็ทำงานละเอียด(ปฏิบัติสมาธิ)และงานหยาบ(งานครัว ปลูกต้นไม้ นำขัดห้องน้ำ)
คุณยายฯบอกว่า "ท่านไม่เคยเบื่อหน่ายการสร้างบารมี
ไม่เคยเบื่อหรือเกียจคร้านในการปฏิบัติธรรม ถ้างานหยาบเราขยันเวลานั่งธรรมะเราก็จะขยันนั่ง"
คุณธรรมข้อที่ 4 ประหยัด
คุณยายฯสอนเสมอว่า
"เราอยู่วัด เรากินเราใช้ของร้อนเพราะเงินแต่ละบาทที่เราใช้เป็นเงินที่ญาติโยมจบหัวแล้วจบหัวอีก ถ้าเป็นพระแล้วไม่ทำประโยชน์ให้กับพระศาสนาถือว่ากินแรงชาวบ้าน พอตายไปแล้วก็ต้องไปเกิดเป็นควายให้เขาใช้แรงงาน"
เมื่อครั้งที่หลวงพ่อทัตตชีโวบวชใหม่ๆ เคยไปที่วัดแห่งหนึ่ง
หลวงตาเจ้าอาวาสจูงมือท่านไปหน้าโบสถ์ ชี้ไปที่ทุ่งนาแล้วถามว่า "เห็นอะไรไหม" หลวงพ่อทัตตชีโวตอบว่า
"เห็นควายเป็นฝูง" หลวงตาชี้ว่า
"นั่นแหละอดีตพระเก่าท่านเห็นไหมไอ้ตัวที่เขาโง้งๆเป็นจ่าฝูงนั่นแหละเจ้าอาวาสเก่า"
คุณยายฯเห็นคุณค่าของสิ่งของทุกอย่าง หากเดินไปตามถนนเห็นยางหนังสติ๊กเส้นเดียว คุณยายฯก็เก็บมาล้างไว้ใช้ใหม่ หรือถุงก๊อบแก๊บที่ใช้แล้วท่านก็เก็บมาล้างไว้ใช้ต่อ คุณยายฯเล่าว่า "สมัยหลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญ เขาแบกข้าวสารมาส่งที่วัดปากน้ำจะมีข้าวสารล่วงตามทาง หลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านจะให้เก็บข้าวสารทุกเม็ดบางทีเก็บได้จนเป็นกระสอบก็มี"
คุณยายฯเห็นคุณค่าของสิ่งของทุกอย่าง หากเดินไปตามถนนเห็นยางหนังสติ๊กเส้นเดียว คุณยายฯก็เก็บมาล้างไว้ใช้ใหม่ หรือถุงก๊อบแก๊บที่ใช้แล้วท่านก็เก็บมาล้างไว้ใช้ต่อ คุณยายฯเล่าว่า "สมัยหลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญ เขาแบกข้าวสารมาส่งที่วัดปากน้ำจะมีข้าวสารล่วงตามทาง หลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านจะให้เก็บข้าวสารทุกเม็ดบางทีเก็บได้จนเป็นกระสอบก็มี"
คุณธรรมข้อที่ 5 อดทน
ความอดทนเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นนิสัยของคุณยายฯ
เกิดจากใจที่หยุดนิ่งของท่านเป็นปกติ ยามเจ็บป่วยท่านก็จะนิ่งๆดังเช่นเมื่อตอนคุณยายฯปวดฟัน
ก็เพียงแต่บอกหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ว่า "ช่วยให้เด็กวัดพายายไปหาหมอหน่อย"
พอคุณยายฯไปพบหมอจึงรู้ว่าเป็นรำมะนาด เหงือกบวม หมอต้องถอนฟันเกือบทั้งปากท่านอดทนและนิ่งมาก แม้หกล้มเลือดออกมีดบาดจะเจออะไรก็ตามท่านจะไม่ร้องโอดครวญท่านจะนิ่งๆไปหาหมอแล้วใส่ยา แม้แต่ลูกศิษย์มาต่อว่าท่านๆจะนิ่ง อาศัยความเงียบแล้วทำความดี คุณยายฯบอกว่า "ยายจะไม่ทะเลาะกับใคร เขาจะมายืนด่าอะไรก็ให้เขาว่าไปยายจะหลับตาดิ่งธรรมะ"
ท่านบอกว่า "ให้เราทำความดีเวลาที่เราสร้างบารมีเราต้องเข้มแข็งต้องอดทนเราต้องทนลำบากนะ จะลำบากอย่างไรก็ให้อดทนอย่าสร้างกรรมอีก เกิดเป็นคนต้องทนชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายต้องอดทนให้ถึงที่สุดต้องคิดสู้ถ้าสู้ก็จะชนะจะชนะด้วยบุญ"
คุณธรรมข้อที่ 6 ไม่อยากเด่นอยากดัง
คุณยายฯบอกว่า "ยายทำความดี ไม่เคยหวังให้ใครมาชื่นชมหรือให้เขามายกย่อง
ยายทำเพื่อช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์ยายไม่เคยคิดอยากเด่นอยากดัง
ถ้ามีบุญแล้วจะดังเองดังอย่างเย็นๆ ไม่ใช่ดังอย่างร้อนๆ" บางคนอยากเด่นอยากดังก็ไปข่มคนอื่น คุณยายสอนว่า "เวลาสร้างบุญ ให้เอาใจจรดศูนย์กลางกายให้นึกถึงบุญมากๆจะได้บุญสะอาดติดตัวไป เวลาบุญส่งผลจะได้อะไรมาจะได้แบบเย็นๆ อย่าไปคิดนะว่าเวลาเราทำดีแล้วไม่มีใครเห็นตัวเราเองที่เห็นว่าเราทำอะไรอยู่เทวดาที่ดูแลรักษาเราอยู่ก็เห็น"
คุณธรรมข้อที่ 7 ความอ่อนน้อม
ความเคารพ
คุณยายฯอยู่ที่ไหน
ท่านจะทำตัวเหมือนผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้าผ้าขี้ริ้ววางอยู่ต่ำแล้ว
เมื่อนำมาใช้เช็ดเท้ายิ่งทำให้ต่ำลงไปอีกแต่เป็นประโยชน์กับทุกคน คุณยายฯไม่มีทิฏฐิมานะท่านจะทำตัวต่ำทุกที่ที่ท่านเข้าไป แต่พอผ่านไปได้สักระยะ ด้วยบุญที่ท่านอ่อนน้อมจะทำให้ท่านเด่นขึ้นมาเสมอแล้วท่านก็ไม่เคยวางตัวว่าท่านใหญ่
หรือเก่งกว่าใครมีแต่ความเอื้อเฟื้อเมตตาต่อทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือ
ด้วยบุญของท่านทำให้ท่านเป็นหัวหน้าเวร ไปอยู่ที่ไหนท่านเป็นหัวหน้าเขาหมดท่านก็จะเด่นด้วยอำนาจบุญที่อ่อนน้อมถ่อมตน
คุณธรรมข้อที่ 8 เจียมตัว รู้จักประมาณตัว
ปีพ.ศ.2525 หลวงพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส
คุณยายฯบอกกับทุกคนว่า "ยายไม่ใช่อาจารย์ของพระแล้ว
ยายเป็นเพียงแค่เด็กวัดยายจะรับฟังคำสั่งทุกอย่างจากหลวงพ่อ" หรือเมื่อครั้งอยู่วัดปากน้ำ คุณยายทองสุขอาจารย์คนแรกของท่านมีบ้านหลังเล็กอยู่ในวัดปากน้ำเวลาญาติโยมมาเรียนธรรมะคุณยายทองสุขก็จะขึ้นไปสอนบนบ้าน ส่วนคุณยายฯจะนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านแม้ตอนนั้นคุณยายฯเป็นหัวหน้าเวรขาดรู้อยู่ในทีมทำวิชชากับหลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญแล้วก็ตาม
แต่ท่านก็ยังเคารพรักคุณยายทองสุขเสมอ
คุณยายสอนว่า "เราต้องอย่าแสดงฤทธิ์กับครูบาอาจารย์ อย่าเอาฤทธิ์ไปแสดงกับคนอื่นว่าฉันเก่งแบบนี้ใช้ไม่ได้ ให้รู้จักเจียมตัวรู้จักประมาณตัวเอง "คุณยายฯเคยบอกหลวงพ่อว่า "คนเราแต่ละคนเกิดมาเอาบุญติดตัวมาไม่เท่ากันหรอก บางคนเอาบุญมามาก บางคนเอาบุญมาน้อยมีบุญน้อย คนที่เอาบุญมามากก็สอนตนเองได้อบรมตนเองได้เราก็เหนื่อยน้อยหน่อย คนไหนมีบุญติดตัวมาน้อยเราก็ต้องสอนมากหน่อยเพราะคนพวกนี้ลืมเก่งได้หน้าลืมหลังสอนตัวเองไม่ได้เราก็ต้องเหนื่อยหน่อย
เวลาเราจะใช้เขาเราก็ต้องทุ่มบุญให้เขาเขาถึงทำได้ พอเก่งขึ้นมาหน่อยก็ใช้ความเก่งของตัวเองเอาไปสร้างความดีเอาไปสร้างบุญกุศติดตัวเขาไป แต่บางคนพอเก่งขึ้นมาหน่อยก็ลืมตัวมีฤทธิ์มากมีของแถมทำให้หลวงพ่อต้องปวดหัวเดือดร้อน เพราะฉะนั้นต้องเลือกคนต้องเลือกใช้งาน
คนที่มีบุญมาน้อยเราให้ของดีเขาไปเขารับไม่ค่อยได้เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เก่งมาได้เพราะอะไร" แล้วท่านก็เอามือชี้ไปที่พัดลมท่านสอนเด็กวัด "พัดลมมันติดมันเป่าลมได้หมุนได้ลองเจ้าของไปดึงปลั๊กไฟออกสิมันก็หมดฤทธิ์ ดึงปลั๊กออกก็เหมือนของที่ตายแล้วนั่นแหละ"
คุณยายสอนว่า "เราต้องอย่าแสดงฤทธิ์กับครูบาอาจารย์ อย่าเอาฤทธิ์ไปแสดงกับคนอื่นว่าฉันเก่งแบบนี้ใช้ไม่ได้ ให้รู้จักเจียมตัวรู้จักประมาณตัวเอง "คุณยายฯเคยบอกหลวงพ่อว่า "คนเราแต่ละคนเกิดมาเอาบุญติดตัวมาไม่เท่ากันหรอก บางคนเอาบุญมามาก บางคนเอาบุญมาน้อยมีบุญน้อย คนที่เอาบุญมามากก็สอนตนเองได้อบรมตนเองได้เราก็เหนื่อยน้อยหน่อย คนไหนมีบุญติดตัวมาน้อยเราก็ต้องสอนมากหน่อยเพราะคนพวกนี้ลืมเก่งได้หน้าลืมหลังสอนตัวเองไม่ได้เราก็ต้องเหนื่อยหน่อย
เวลาเราจะใช้เขาเราก็ต้องทุ่มบุญให้เขาเขาถึงทำได้ พอเก่งขึ้นมาหน่อยก็ใช้ความเก่งของตัวเองเอาไปสร้างความดีเอาไปสร้างบุญกุศติดตัวเขาไป แต่บางคนพอเก่งขึ้นมาหน่อยก็ลืมตัวมีฤทธิ์มากมีของแถมทำให้หลวงพ่อต้องปวดหัวเดือดร้อน เพราะฉะนั้นต้องเลือกคนต้องเลือกใช้งาน
คนที่มีบุญมาน้อยเราให้ของดีเขาไปเขารับไม่ค่อยได้เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เก่งมาได้เพราะอะไร" แล้วท่านก็เอามือชี้ไปที่พัดลมท่านสอนเด็กวัด "พัดลมมันติดมันเป่าลมได้หมุนได้ลองเจ้าของไปดึงปลั๊กไฟออกสิมันก็หมดฤทธิ์ ดึงปลั๊กออกก็เหมือนของที่ตายแล้วนั่นแหละ"
คุณธรรมข้อที่ 9 มักน้อย สันโดษ
คุณยายฯไม่ติดในคนสัตว์ สิ่งของเลยไม่ติดในลาภสักการะ ใครให้อะไรมาท่านจะใช้เฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์และใช้อย่างคุ้มค่ามาก เช่น
ขันพลาสติกใบหนึ่งจะใช้เป็น 10 ปีจนกว่าจะแตก ไม่ว่าใครจะให้อะไรคุณยายไม่ติดในสิ่งเหล่านี้ท่านจะพอใจในสิ่งที่ท่านได้รับและมีเป้าหมายคือทำวิชชากับหลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญ เช่น หลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญได้น้อยหน่ามาชะลอมหนึ่ง ท่านก็ส่งให้ไปในโรงงานทำวิชชาให้ไปแบ่งกัน
น้อยหน่าก็มีลูกใหญ่บ้างเล็กบ้างบางคนก็จะคิดว่า "ทำไมฉันได้ลูกเล็ก
เธอได้ลูกใหญ่" แต่คุณยายฯจะบอกว่า "ลูกใหญ่ลูกเล็กก็ได้ยายทานได้หมด" ไม่ว่าท่านจะได้เตียงเก่าๆ
ได้มุ้งที่เก่าขาดคุณยายฯไม่เคยเสียใจเลยท่านดีใจว่า
นี่คืออุปกรณ์ที่จะเอาไว้สร้างบารมีเพื่อได้ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านพอใจในทุกสิ่งที่ได้รับ ท่านสอนว่า "พวกเราอย่าโลภมากนะ
ถ้าโลภจะสร้างความดีไปไม่ถึงไหนให้สันโดษมักน้อยจะได้ไม่มีเครื่องผูกมากไม่มีภาระมากไม่มีเครื่องกังวลใจมาก จะได้มีเวลาเอาใจเข้าศูนย์กลางกายได้ง่ายๆ"
คุณธรรมข้อที่ 10 รักความสะอาด
คุณยายฯจะเช็ดทุกซอกทุกมุม เช็ดบันไดก็เช็ดไปถึงใต้บันไดหรือบางครั้งเห็นคุณยายเช็ดข้างฝาบ้าน
หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ก็ถามด้วยความแปลกใจว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ คุณยายตอบว่า "มันเย็นใจ เข้ากลางคล่องดี" ซึ่งในคัมภีร์วิสุทธิมรรคได้กล่าวไว้ในทำนองที่ว่า "น้ำมันกับไส้ตะเกียงที่สะอาด
เวลาจุดแล้วไม่มีเขม่าแสงสว่างที่เกิดขึ้นจะสว่างมาก พระภิกษุที่ดูแลเสนาสนะให้สะอาดเวลาปฏิบัติธรรมญาณเจตสิกจะชัดเจน" เพราะฉะนั้นพระที่ท่านอยู่ในสายปฏิบัติจะเน้นเรื่องความสะอาดและระเบียบเป็นปกติ
ยกตัวอย่างหลวงพ่อชา
สุภัทโท วัดหนองป่าพง กุฏิพระจะอยู่ห่างๆ กัน
หลวงพ่อชาไปตรวจตามกุฏิไปถึงท่านก็จะไปดูห้องน้ำก่อน ถ้าห้องน้ำไม่สะอาด ท่านจะบอกว่า
"ส้วมไม่ล้าง ถามหาแต่พระนิพพาน" วัดหนองป่าพงสะอาดมาก ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว
เมื่อเขาเห็นความสะอาด ความเป็นระเบียบของวัด
หรือเห็นความสำรวมเรียบร้อยของพระภิกษุสามเณรจะรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา
ทำให้สนใจที่จะเข้ามาศึกษาธรรมะ และได้มาบวชอีกหลายรูป เพราะความสะอาดเป็นระเบียบเปลี่ยนชีวิตคนได้
จากนักท่องเที่ยวกลายเป็นเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ
คุณธรรมข้อ 11 รักษากฎระเบียบวินัย
สมัยสงครามโลกญี่ปุ่นกับเยอรมันเป็นชาติมหาอำนาจ คุณยายฯไม่เคยไปประเทศเหล่านั้นแต่ท่านไปด้วยกายละเอียด คุณยายฯรู้จักหมดทั้งสองประเทศว่าเป็นคนอย่างไร
ท่านบอกว่า "ชาติที่เจริญรุ่งเรือง เพราะพลเมืองมีวินัย
มีระเบียบ"
คุณยายฯสอนตัวเองว่า
"ทหารทางโลกมีวินัยกองทัพจึงเข้มแข็ง
ทหารทางธรรมก็มีศีลเป็นวินัยทำให้กองทัพธรรมเข้มแข็ง" ท่านบอกหลวงพ่อทัตตชีโวว่า "ทุกอย่างในชีวิตประจำวันที่เราเกี่ยวข้องด้วยให้ทำให้เรียบร้อยเราจะได้ความเป็นระเบียบในใจใจเราจะสงบเข้ากลางง่าย"
ท่านเล่าว่า "สมัยยายเข้ามาเรียนธรรมะใหม่ๆต้องต่อสู้กับอุปสรรคมากมีคนกลั่นแกล้งอิจฉาริษยาเยอะ แต่ยายก็ไม่เป็นอะไรเขาจับผิดยายไม่ได้เพราะยายไม่เคยผิดกฎระเบียบไม่เคยผิดวินัยเลย"
คุณธรรมข้อที่ 12 รักการประพฤติพรหมจรรย์
สมัยเริ่มสร้างวัด
ก่อนที่จะมีศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม มีคนกล่าวว่า "บ้านยายจันทร์น่ะเหรอมีแต่หนุ่มสาวจะไปสร้างวัดอะไรสำเร็จ" ตอนนั้นมีแต่นักศึกษาอยู่ในวัยหนุ่มสาวเขาก็เลยไม่เชื่อ ดังนั้นคุณยายจะเข้มงวดเรื่องการประพฤติพรหมจรรย์มากๆ
เพราะถ้าไม่เข้มงวดเรื่องนี้การสร้างบารมีก็ไม่สำเร็จ
เมื่อคุณยายฯย้ายจากวัดปากน้ำภาษีเจริญมาศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม ตอนนั้นมีหลวงพี่บวชหลายรูปแล้วท่านจะมาฉันข้าวที่ครัวยามาเด็กวัดจะนั่งอยู่ถัดออกมา คุณยายฯก็ฉันข้าวที่ครัวยามาเหมือนกัน พอตอนเช้าพระเริ่มฉันคุณยายฯจะเดินมาพูดเสียงดังๆให้ทั้งพระและเด็กวัดได้ยินว่า "เนี่ยนะ ยายทำบุญ ยายอธิษฐานทุกวันเลยว่าเกิดไปกี่ภพกี่ชาติจนกว่าจะเข้าพระนิพพาน ขอให้ยายได้เกิดเป็นเพศชายได้บวชบำเพ็ญพรตประพฤติพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิตทุกๆ ชาติ
อย่าให้ต้องไปแต่งงานเลยไม่ต้องไปครองเรือนเลย ขอให้ไม่ยินดีในเพศตรงข้ามให้ยินดีแต่เพศพรหมจรรย์" คุณยายพูดอย่างนี้ทุกๆ
วันเป็น 10 ปี จนกระทั่งหลวงพ่ออายุเกิน 40 ปีไปแล้วคุณยายบอกว่า "เลข 4 ไม่เป็นไรหนังเริ่มเหี่ยวแล้ว" จึงเลิกพูด
ถ้าเด็กวัดเกิดปิ๊งใครขึ้นมาในใจ
ท่านจะเดินไปเฉียดใกล้ๆแล้วพูดว่ายายอธิษฐานอย่างนี้ทุกวันเลยนะ จนคนนั้นเลิกคิด
คุณยายฯย้ำอีกว่า"ถ้าเรายังไม่แต่งงานยังเป็นโสดเวลาเราทำบุญมี 100
บาท เราทำได้ 100 บาท เมื่อไรเรามีแฟนก็ทำได้ 50
บาทพอมีลูก 1 คนก็เหลือ 20 บาท พอมีลูก 2 คนไม่ต้องทำเลยเพราะไม่มีเงินเหลือ”
คุณยายฯสอนว่า "พวกเราก้าวเข้ามาในวัดแล้ว เราเหมือนเข้ามาในสมรภูมิรบ" คือ รบกับกิเลสในตัวเราเองต้องอดทนเดินหน้าสร้างความดีอย่างเดียว
ถ้าหากถอยหลังออกไปจากวัดโอกาสจะสร้างบารมีก็ลดลง ชีวิตก็จะตกต่ำลงเพราะว่าหมู่คณะเราสร้างบารมีรวดเร็ว เหมือนรถด่วนขบวนสุดท้ายคือ
ตั้งแต่เริ่มหลวงพ่อก็วางแผนแล้วก็สร้างบุญตลอด ถ้าใครไม่ได้มาวัดสักเดือนหนึ่งเมื่อกลับมาอีกครั้งจะจำไม่ได้เลย ยิ่งปีหนึ่งกลับมายิ่งรู้สึกผิดหูผิดตา
การที่เราได้อยู่บนรถด่วนขบวนสุดท้าย
เราจะอยู่ข้างหน้า ข้างหลังหรือตรงกลางเราได้บุญไปด้วยกันหมดจะถึงพร้อมกัน
เพราะฉะนั้นเราต้องเกาะกันไปให้ดีอยู่กันเป็นทีมอย่าให้หลุดออกไป
สำหรับผู้หญิง
เราเป็นเพศที่อาภัพเพราะเราเกิดด้วยกรรมกาเมฯ
การสร้างบารมีของเราไม่สะดวกสบายเหมือนอุบาสกหรือพระ เป็นเพศภาวะที่อ่อนแออารมณ์อ่อนไหวง่ายแปรปรวนง่ายน้อยอกน้อยใจง่าย
คุณยายฯเตือนเราว่า
“ยายแก่แล้ว คนแก่ไปอยู่ที่ไหนไม่มีใครต้องการเขาคิดแต่จะไล่ออกจากบ้านถ้าไม่มีความดีเพียงอย่างเดียวไม่มีใครเขาต้องการ” ท่านเตือนให้เราสั่งสมความดีในขณะที่เรากำลังแข็งแรง
ผู้หญิงพออายุมากจะใช้ปากเยอะ คือขี้บ่น จู้จี้
จุกจิก มีเรื่องอิจฉาริษยากำลังก็ลดลงทำอะไรก็ไม่ไหวไม่มีใครอยากได้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ จึงต้องสร้างความดีไว้มากๆ แต่ถ้าพระภิกษุมีบาตรใบเดียวท่านไปได้ทั่วโลกยิ่งอายุมากเป็นหลวงตายิ่งมีคนศรัทธา
เมื่อญาติโยมเข้ามาวัด
เขาต้องการกราบหลวงพ่ออยากใกล้ชิดหลวงพ่อแต่สมัยนี้ไม่มีโอกาสได้เข้าพบท่าน
เขาจะคาดหวังจากเราเพราะถือว่าเราอยู่เขตในใกล้ชิดหลวงพ่อมากกว่า เขาก็จะดูเราเป็นต้นแบบของการสร้างความดี ไม่เพียงแต่เราอยู่ในสายตาของญาติโยม แม้แต่เทวดาทั้งหลายทุกชั้นต่างก็จับจ้องมองเรา คอยอนุโมทนาและได้บุญไปด้วย
เมื่อเราตัดสินใจเสียสละทุกสิ่งทางบ้าน เข้ามาในวัดแล้วต้องทำตัวเป็นต้นแบบในการสร้างความดีให้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตั้งใจให้ดีให้ชีวิตเรามีเป้าหมายอย่าให้หมดไปวันหนึ่งคืนหนึ่ง
การทำความดีของคุณยายฯไม่ใช่ทำเพียงวันเดียวเดือนเดียวหรือปีเดียวแต่ท่านทำทุกวันทำตลอดชีวิต ทำสม่ำเสมอเป็นปกติเป็นนิสัยเป็นธรรมชาติของท่าน ชีวิตของท่านเป็นชีวิตที่มีคุณค่ามากเป็นชีวิตของนักสู้แต่ไม่ใช่สู้ด้วยกำลังไม่ได้สู้กับใครๆท่านสู้กับกระแสกิเลสในตนเป็นชีวิตที่เกิดมาเพื่อสร้างบารมีอย่างเดียวใจของท่านเข้มแข็งแข็งแกร่งประดุจเพชร
บุญของคุณยายมหาศาลแต่ท่านไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างบุญจนถึงวาระสุดท้าย ตลอดชีวิตคุณยายฯท่านกลัวว่า บุญจะน้อยท่านจึงรักบุญรักธรรมะรักในการสร้างความดี คุณยายฯบอกเสมอว่า “พวกเราเกิดมาสร้างบารมีนะ เพราะฉะนั้นต้องสร้างความดีทุกอนุวินาทีเพราะว่าชีวิตในเมืองมนุษย์สั้น เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืนเดี๋ยวก็หมดเวลาแล้ว ยายเข้าวัดมาตั้งแต่อายุ 29 ปียังมีความรู้สึกว่ายายยังได้บุญไปนิดเดียว”
บุญของคุณยายมหาศาลแต่ท่านไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างบุญจนถึงวาระสุดท้าย ตลอดชีวิตคุณยายฯท่านกลัวว่า บุญจะน้อยท่านจึงรักบุญรักธรรมะรักในการสร้างความดี คุณยายฯบอกเสมอว่า “พวกเราเกิดมาสร้างบารมีนะ เพราะฉะนั้นต้องสร้างความดีทุกอนุวินาทีเพราะว่าชีวิตในเมืองมนุษย์สั้น เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืนเดี๋ยวก็หมดเวลาแล้ว ยายเข้าวัดมาตั้งแต่อายุ 29 ปียังมีความรู้สึกว่ายายยังได้บุญไปนิดเดียว”
ขอให้พวกเราได้ดำเนินตามปฏิปทาของคุณยายฯ
มีคุณยายฯเป็นต้นบุญต้นแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการสร้างบารมีได้ตามติดหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่และมหาปูชนียาจารย์จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
อย่าให้ตกรถด่วนขบวนสุดท้ายนี้เลย สาธุ
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ สาธุค่ะ
ขอขอบคุณที่มา:
รูปภาพคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง(ครูผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวัดพระธรรมกาย)
รูปภาพคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาทองสุข สำแดงปั้น(ครูคนแรกของคุณยายฯ)
คุณธรรม 12 ประการจากหนังสือต้นแบบนักสร้างบารมี
บทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
สาธุค่ะ
ตอบลบอนุโมทนาสาธุค่ะ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบรักคุณยาย ทำตามคำสอนคุณยาย สาธุ ขอกราบอนุโมทนาบุญ
ตอบลบ🙏🙏🙏กราบอนุโมทนา สาธุเจ้าค่ะ
ตอบลบ