วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ชีวิตที่จะประสบความสำเร็จ...ทั้งชาตินี้ชาติหน้าเราควรปฏิบัติตนเช่นไร ?





“สุขจากการแสวงหาความสำเร็จ” เป็นเรื่องน่าคิดว่าเราควรจะมุ่งตรงไปที่ความสุข หรือมุ่งตรงไปที่ความสำเร็จดี บางคนบอกว่ามุ่งไปที่ความสำเร็จสิ สำเร็จแล้ว ความสุขจะตามมาเอง แต่บางคนบอกว่า บางทีมันไม่สำเร็จสักที หวังไว้ว่าอนาคตจะรวยให้ได้ แต่ทำงานมา 20 ปี แล้วก็ไม่รวยสักที อาจจะตายก่อนที่จะมีความสุขก็ได้ดังนั้น มุ่งไปที่ความสุขก่อนดีกว่าไหม...แล้ววิธีคิดแบบใดถูกต้องกันแน่

สิ่งที่ทุกคนปรารถนาอันสูงสุดคือ ความสุข

ต่างคนต่างมีเหตุผลของตนเอง คนที่มุ่งไปยังความสำเร็จกล่าวว่า ถ้าไปมุ่งหมายแต่ความสุขก็จะไม่สำเร็จสักที เพราะพอทำงานหนักก็เหนื่อยพอไม่สุขก็ไม่เอางานหนัก หรือเด็กนักเรียนอ่านหนังสือค้นคว้ามาก ๆ เข้าก็บอกว่าเครียด ไม่สุขขอไปเล่นเกมไปพักผ่อนเที่ยวเตร็ดเตร่ก่อนดีกว่ามีความสุขกว่า ก็เลยไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานสักที สุดท้ายก็ไม่มีความสุขอยู่ดี แล้วเราคิดว่าแนวคิดใดน่าจะเป็นแนวคิดที่ถูกต้องที่สุด

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “บุคคลใดไม่คำนึงถึงหนาวร้อน อดทนให้เหมือนหญ้า กระทำกิจที่ควรทำด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย บุคคลผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากสุข”

ไม่ว่าร้อนหรือหนาวก็สู้  ใครจะเหยียบย่ำอย่างไรก็อดทนยืนอยู่ได้ ยังคงงอกงามเขียวขจีเหมือนหญ้าแพรก ไม่ใช่เจอใครต่อว่าก็น้อยเนื้อต่ำใจ น้ำตาร่วง เลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ เพียงเพราะน้อยใจคำคน และสิ่งสำคัญคือกระทำกิจที่ควรทำด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย บุคคลผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากสุข

อดทนให้เหมือนหญ้า ย่อมไม่เสื่อมจากความสุขแน่นอน


เหล่านี้แสดงว่าพระองค์ให้มุ่งว่าอะไรคือสิ่งที่เราควรทำ ก็ให้ทำสิ่งนั้นเต็มที่โดยไม่กลัวหนาวไม่กลัวร้อน ไม่กลัวความกระทบกระทั่งให้เจ็บใจ แล้วเดินหน้าทำสิ่งที่ควรทำ ด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย บุคคลผู้นั้นย่อมประสบความสุขและความสำเร็จ

อีกบทหนึ่งพระองค์ตรัสไว้ว่า มนุษย์ควรจะต้องบำเพ็ญประโยชน์ให้ครบ 3 ประการ คือ “ประโยชน์ชาตินี้” ได้แก่ ตั้งเนื้อตั้งตัวตั้งฐานะให้ได้ นกตัวเล็ก ๆ ยังอุตส่าห์สร้างรังอยู่ไว้คุ้มแดดคุ้มฝน หนูตัวเล็ก ๆ ก็ยังอุตส่าห์ขุดรูอยู่อาศัย เราเกิดมาเป็นคนทั้งทีก็ต้องเอาดีให้ได้ ต้องสร้างฐานะสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว มีอาชีพการงานที่มั่นคงเป็นหลักแหล่งอย่างนี้ เป็นต้น


ประโยชน์ชาตินี้ ตั้งใจสร้างเนื้อสร้างตัว


ประโยชน์ระดับสองคือ “ประโยชน์ชาติหน้า” ได้แก่ สร้างบุญสร้างกุศล พอละจากโลกนี้ไปแล้วเราจะได้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ใครที่ชาตินี้ตั้งฐานะได้แต่ไม่สร้างบุญสร้างกุศลเลย ทำแต่บาป โกงกินเขา ทุจริตเขา เอาเปรียบเบียดเบียนเขา โดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย อาศัยความรู้ที่เหนือกว่า ตนเองได้แต่คนอื่นเดือดร้อนอย่างนี้ผิดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะไม่ผิดกฎหมายแต่จะเป็นบาปติดตัว พอละโลกแล้วตกนรกเลย สุขไหม...มันไม่สุข ไม่คุ้มกัน

ถ้าจะให้สุขจริงต้องทำ “ประโยชน์อย่างยิ่ง” ด้วย กระทำประโยชน์ชาติหน้า ทำให้เรามั่นใจได้ว่าตายแล้วเราไปสุคติโลกสวรรค์แน่นอน แต่ควรบำเพ็ญประโยชน์อย่างยิ่ง ได้แก่ “ตั้งใจปฏิบัติธรรม” สวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นประจำสม่ำเสมอ จะทำให้กิเลสในตัวเราเบาบางลง ได้เข้าใกล้หนทางพระนิพพาน


สุขจริงต้องทำประโยชน์อย่างยิ่ง "ตั้งใจปฏิบัติธรรม"


ถ้าเราจับหลักใหญ่ ๆ นี้ได้ เราก็จะมองเห็นช่องชัดเจนเลยว่าการแสวงหาความสุขจากความสำเร็จในการงาน หรือในชีวิตของเรานั้นต้องปฏิบัติอย่างไร ที่แน่ ๆ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราตามใจตนเอง คือตามใจกิเลส ออกไปเที่ยวเล่นกินเหล้าเสพยาก็บอกว่าสุขดี ความจริงเสพยาไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง แต่เป็นความสนุกเพลิดเพลินไปชั่วขณะ แล้วจะออกผลเป็นความทุกข์ในภายหลัง

เพราะฉะนั้น ใครจะมาอ้างว่าตนกำลังแสวงหาความสุข สุขนิยมเป็นฮิปปีดีกว่า นั่นมีความสุขผิดหลักแล้ว เราต้องสำรวจว่าอะไรคือสิ่งที่เราควรทำ และสิ่งที่ควรทำนั้นเป็นประโยชน์ต่ออาชีพการงาน การตั้งฐานะอย่างสุจริตชอบธรรมในชาตินี้ แล้วมีน้ำใจเอื้อเฟื้อช่วยเหลือคนอื่น ช่วยงานสาธารณะกุศล การสงเคราะห์โลก ก็เป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง แล้วสวดมนต์นั่งสมาธิแบ่งเวลาปฏิบัติธรรมโดยทำอย่างถูกหลัก

อะไรที่ผิดศีลธรรมเราไม่ทำ แม้ไม่ผิดกฎหมายก็ไม่ทำ มาถึงตรงนี้อยากจะฝากข้อคิดเป็นหลักการ “ทฤษฎีกระปุกทราย” ไว้ด้วยว่า ถ้าเรามีหินก้อนโตเท่ากำปั้นสักสามสี่ก้อน มีก้อนกรวดขนาดเล็กเท่านิ้วโป้งสักสามสิบก้อน และมีทรายอีกหนึ่งถุงนำมาใส่กระปุก ถ้าเรานำทรายใส่ลงไปก่อน ทรายเหล่านั้นก็จะไปกองอยู่ก้นกระปุก แล้วนำก้อนกรวดขนาดเท่านิ้วโป้งใส่ตามลงไป กรวดก็จะไปกองอยู่บนทราย แล้วพอเราจะนำหินก้อนใหญ่อีกสามสี่ก้อนใส่ตามลงไป ปรากฏว่าใส่ไม่ได้แล้ว มันเต็มล้นกระปุกแล้ว


ทฤษฎีกระปุกทราย


แต่ถ้าเปลี่ยนลำดับใหม่ด้วยการนำหินก้อนโต ๆ ใส่ลงไปก่อนแล้วจึงใส่ตามลงไปด้วยก้อนกรวด กรวดก็จะลงไปแทรกตามช่องว่างของหิน พอเราเททรายลงไปอีก ทรายก็จะเข้าไปแทรกตามช่องว่างที่เหลือเล็กลงจนเต็ม ดังนั้น วิธีนี้ทำให้เราสามารถนำหินก้อนโต ก้อนกรวด และทรายทั้งหมดใส่ลงไปในกระปุกได้หมดอย่างสบาย ๆ

เปรียบเทียบกับชีวิตจริงของคน ถ้าเรารู้จักจัดลำดับความสำคัญว่างานอะไรคืองานที่สำคัญที่สุดต่อชีวิตเรา 3 อย่าง ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว คือสำคัญต่อประโยชน์ในชาตินี้ ได้แก่ การแสวงหาความรู้ต่าง ๆ ฝึกพัฒนาทักษะต่าง ๆ ลำดับต่อมาคือ สำคัญต่อประโยชน์ชาติหน้าด้วยการหมั่นสร้างบุญกุศลและสำคัญต่อประโยชน์อย่างยิ่งด้วยสวดมนต์ภาวนา

พอเราเอางานสำคัญ ๆ ใส่ลงไปก่อนในชีวิตแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน เสร็จแล้วงานที่สำคัญรองลงมาเราก็จับแทรกลงไปในช่องว่างที่ยังพอใส่ได้ ส่วนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ กระจุกกระจิก ที่ไม่ได้เป็นสาระอะไรมากเท่าใดแต่เราอยากทำ ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธทั้งหมด เราสามารถทำได้โดยใส่ลงไปเป็นลำดับสุดท้าย

หากเราอยากจะไปดูหนังฟังเพลงหรือไปท่องเที่ยวบ้างก็ทำได้ ก็จับแทรกลงไปอีกตามช่องว่างในชีวิตที่พอมีอยู่ ทำอย่างนี้จะพบว่าเราสามารถทำประโยชน์หลักเหมือนหินก้อนโต ๆ ได้ครบหมด แล้วงานย่อยที่เป็นประโยชน์รองลงมาก็สามารถทำได้ครบ ส่วนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

การจัดลำดับความสำคัญของงาน "ทฤษฎีกระปุกทราย"



คนที่ยังจัดลำดับความสำคัญผิด มุ่งให้ความสำคัญกับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนตามความอยากของตนเอง เลือกที่จะใส่งานที่พึงพอใจลงไปก่อน อย่างเล่นเกมคอมพิวเตอร์ก่อน อ่านหนังสือนิยายก่อน ดูละครก่อน ไปเที่ยวเล่นก่อน ปรากฎว่าเวลาที่จะทำกิจหลัก ๆ ไม่พอ ใส่ประโยชน์ในชีวิตไม่ลงเพราะมันเต็มไปหมด


การจัดลำดับความสำคัญของงานที่มากทำก่อนแล้วสำคัญลองลงมาตามหลังตาม "ทฤษฎีกระปุกทราย"



การจัดลำดับความสำคัญของงานในชีวิตจึงสำคัญมาก อะไรสำคัญใส่ก่อน แล้วตามด้วยงานที่สำคัญรองลงมา ลดหลั่นกันไปตามลำดับ แล้วเราจะพบว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า แล้วใกล้ต่อหนทางพระนิพพานด้วย รวมทั้งยังมีความสุข ความสบาย ความอิ่มใจในทุกวัน แม้งานจะหนักก็ยังยิ้มได้ตลอด


ทำความหนักและเหนื่อยอย่างมีความสุข


เรียกว่าเหนื่อยอย่างมีความสุข ทำงาน
หนักอย่างมีความสุข และเป็นความสุขที่แท้จริง






กราบขอบพระคุณ :
หนังสือ PERFECTIONIST : เรื่องสุขจากการแสวงหา ความสำเร็จ หน้า 96-115 พร้อมภาพประกอบ

3 ความคิดเห็น:

ประโยชน์ที่ได้รับ...จากการทำสมาธิ

    สมาธิก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง บางคนหากไม่ได้สังเกตก็อาจไม่ทันรู้ตัวว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นเป็นผลมาจากสติปั...