วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562

อานิสงส์การบูชาด้วยดอกมะลิ




“ผู้ที่เกิดมาในโลกจำต้องตายทุกคน ผู้ทำกรรมอันใดไว้ ไม่ว่าจะเป็นบุญหรือบาป
บุญและบาปนั้นเป็นสมบัติของเขา และเขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไปสู่ปรโลก
อนึ่ง บุญและบาปเป็นของติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตัวไป
เพราะฉะนั้น บุคคลพึงทำกัลป์ยาณกรรมสะสมไว้เป็นสมบัติในปรโลก
เพราะว่าบุญย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก”

ที่มา : สํ. สคาถวรรค


มนุษย์เท่านั้นที่เกิดมาเพื่อสั่งสมบุญ สัตว์ที่เหลือส่วนใหญ่จะเกิดมาเพื่อเสวยผลกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต ถึงจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉาน ก็ต้องชดใช้ผลกรรมที่ทำไว้ จะต้องได้รับแต่ความทุกข์ทรมาน โอกาสสั่งสมบุญให้ตนเองนั้นยากมาก แม้เป็นสัตว์เดรัจฉานที่เรามองเห็นว่ามีความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าของดีกว่าคนจนทั่ว ๆ ไป แต่ก็เป็นได้แค่เพียงสัตว์แสนรู้

ผู้ที่สั่งสมบุญไว้ดีแล้วจะไปบังเกิดเป็นเทวดา  ไปเป็นชาวสวรรค์ที่มีความเป็นอยู่อันเป็นทิพย์ เกิดมาเพื่อเสวยบุญ ปรารถนาอะไรก็สำเร็จได้ด้วยบุญ สำเร็จด้วยใจทุกอย่าง ไม่ว่ารูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ล้วนเป็นทิพย์ไปหมดอายุขัยก็ยืนยาว มีความเป็นหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลา นั่นก็เป็นเพราะผลบุญที่สั่งสมไว้ดีแล้ว แต่โอกาสที่จะสั่งสมบุญอย่างเต็มที่ให้ตนเองทำได้ยากมาก เพราะว่ากายอันเป็นทิพย์สร้างบารมีสู้กายมนุษย์ไม่ได้ และเมื่อติดอยู่ในสุขอันเป็นทิพย์ ก็จะมองเห็นทุกข์ภัยในสังสารวัฏได้ยาก ส่วนใหญ่จะมัวประมาท เพลิดเพลินในกามคุณอันเป็นทิพย์เหมือนกัน

ส่วนผู้ที่ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมวิหารธรรม จะไปบังเกิดเป็นพรหมผู้เสวยสุขในฌานสมาบัติ มีความเป็นอยู่ที่ประณีตกว่า สุขกว่าชาวสวรรค์มากมายหลายเท่านัก อายุขัยก็ยืนยาวเป็นล้าน ๆ กัป แม้จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาบังเกิดหลายพระองค์แล้วก็ยังไม่จุติ ที่ได้อัตภาพเช่นนั้นเพราะกำลังบุญ กำลังฌานสมาบัติ ที่ฝึกฝนอบรมจิตเอาไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ จึงมีภพภูมิที่ละเอียดประณีตบังเกิดขึ้นมารองรับ แต่นั่นเป็นเพียงการเสวยผลบุญเท่านั้น จะสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเหมือนมนุษย์ก็ทำได้ยาก



เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งหาได้ยากในโลก ดังพุทธพจน์ที่ว่า กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การได้อัตภภาพเป็นมนุษย์เป็นการยาก เราก็ควรหาโอกาสสั่งสมบุญให้เต็มที่ เพราะมนุษย์เท่านั้นที่เกิดมาเพื่อสร้างบารมี ไม่ได้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม หรือปล่อยชีวิตให้ผ่านไปวัน ๆ ด้วยกระแสของบาปดึงไปอย่างเดียวเท่านั้น และก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อการอื่นด้วย เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง มาเพื่อสั่งสมบุญ เมื่อบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว จะได้ปราบกิเลสให้สิ้นไม่เหลือเศษ พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร




ดังพระเถระรูปหนึ่งที่ชื่อขัณฑสุมนะผู้โชคดีได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนา ย้อนไปเมื่อแสนกัปปีที่แล้ว ท่านเป็นชายหนุ่มรูปงามเกิดมาในช่วงหลังพุทธปรินิพพานของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า มหาชนช่วยกันสร้างพระสถูปที่ทำด้วยทองคำ เพื่อเป็นเครื่องระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย ส่วนตัวท่านมีโอกาสสร้างกำแพงทำด้วยไม้แก่นจันทน์ ซึ่งเป็นไม้เนื้อหอมล้อมรอบพระสถูปอีกชั้นหนึ่ง ทำให้พระสถูปซึ่งนอกจากจะมีสีเหลืองอร่ามเหมือนทองคำแล้ว ยังมีกลิ่นหอมที่เกิดจากไม้แก่นจันทน์อีกด้วย ทำให้ผู้ไปนมัสการพระสถูประลึกถึงพระรัตนตรัยด้วยใจที่สบายและไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์กันนับไม่ถ้วน

คนในสมัยก่อน เมื่อเกิดศรัทธาก็ไม่รอช้า จะรีบทำความดีทันที และจะไม่ให้สิ่งใดมาเป็นอุปสรรค ข้อแม้ ข้ออ้าง หรือเงื่อนไขในการทำความดี ความรู้สึกเช่นนั้นไม่เกิดขึ้นกับนักสร้างบารมีในสมัยก่อนเลย เมื่อใจเปี่ยมด้วยศรัทธาปัญญาก็เจริญ เมื่อมีปัญญา ปัญหาก็ไม่มี กลายเป็นคนที่ไม่มีปัญหา มีแต่ปัญญาขวนขวายหาช่องทางในการทำความดีนั้นให้สำเร็จจนได้



ด้วยผลบุญที่ได้ทำในครั้งนั้น ทำให้ท่านไปเสวยทิพยสมบัติในสุคติโลกสวรรค์ เป็นผู้มีกลิ่นจันทน์หอมออกจากสรีระฟุ้งขจรขจายใครได้กลิ่นก็ชื่นใจและอยากเข้าใกล้ ท่านเสวยทิพยสมบัติเป็นเวลายาวนานมาก เมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่า สมัตตะ ท่านเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่มีชื่อเดิมอยู่ถึง 8 ครั้ง พอละโลกก็กลับไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์อีก เวียนว่ายตายเกิดแต่ใน 2 ภพภูมินี้เท่านั้น

เมื่อมาเกิดในสมัยหลังพุทธปรินิพพานของพระกัสสปพุทธเจ้า มหาชนต่างพากันบูชาพระพุทธองค์ด้วยการสร้างพระเจดีย์ทองสูง 1 โยชน์ ท่านปรารถนาจะบูชาพระเจดีย์ด้วยดอกไม้ ไปเที่ยวตระเวนหาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้ จึงลองเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ เห็นดอกมะลิกิ่งหนึ่ง จึงขอซื้อมะลิกิ่งนั้นด้วยราคาแพงลิบลิ่วทีเดียว เพราะคนขายโก่งราคาสูงมาก แต่ด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ทำให้ท่านตัดสินใจซื้อเพื่อและกับการได้บูชาพระรัตนตรัย




ขณะที่เดินถือดอกมะลิไปบูชาพระเจดีย์นั้น ท่านบังเกิดปิติโสมนัสทุก ๆ ย่างก้าว เมื่อไปถึงก็ถือกิ่งมะลีเวียนประทักษิณ 3 รอบ แล้วทำการบูชานอบน้อมด้วยความเลื่อมใส แค่บูชาด้วยดอกมะลิเท่านั้น บุญส่งผลให้ท่านได้กลับไปบังเกิดในเทวโลกอีกครั้งหนึ่ง และเสวยสุขในสวรรค์อยู่นานถึง 80 โกฏิปี


ครั้นมาในยุคพุทธกาลของเรานี้ ท่านได้มาเกิดเป็นพระราชกุมารในเมืองปาวา แคว้นมัลละ เป็นผู้มีกลิ่นกายหอมเหมือนดอกมะลิผิวพรรณวรรณะเปล่งปลั่งผ่องใสมากเป็นพิเศษเมื่อได้ยินข่าวว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกแล้ว และกำลังประทับอยู่ที่สวนอัมพวันของนายจุนทะ ท่านบังเกิดความศรัทธาเลื่อมใสปรารถนาอย่างยิ่งที่จะไปฟังธรรม เหมือนผืนดินที่แห้งแล้วรอคอยฝนจากฟากฟ้ามายาวนาน หรือเหมือนปลาในหนองน้ำที่แห้งขอดกำลังรอฝนด้วยใจจดใจจ่อ ท่านรีบชักชวนข้าทาสบริวารไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อฟังพระธรรมเทศนา ครั้นได้ฟังแล้วก็ยิ่งศรัทธามากขึ้นจึงตัดสินใจออกบวช ท่านบำเพ็ญเพียรเพียงไม่นานก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา

จากนั้น ท่านระลึกชาติไปดูบุพกรรมว่า ได้ทำบุญอะไรเอาไว้ จึงมีมหาโชคได้มาเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นผู้ปฏิบัติสะดวกบรรลุพระอรหันตผลอย่างง่ายดาย เมื่อเห็นแล้วท่านก็ปลื้มปิติและเปล่งอุทานว่า เราถวายดอกไม้เพียงกิ่งเดียว เราได้เสวยสุขอยู่ในสวรรค์ถึง 80 โกฎิปี ในที่สุดได้บรรลุพระนิพพาน เพราะผลบุญที่ได้บูชาพระเจดีย์ด้วยจิตเลื่อมใส

นี้เป็นตัวอย่างของการบูชาพระเจดีย์ด้วยดอกมะลิ ถ้าหากเรามีความเลื่อมใสศรัทธาจริง ๆ แม้พระบรมศาสดาจะมีพระชนม์ชีพอยู่ หรือว่าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม อานิสงส์แห่งความเลื่อมใสนั้นก็มีผลเสมอกัน เพราะฉะนั้นแม้พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม อานิสงส์แห่งความเลื่อมใสนั้นก็มีผลเสมอกัน เพราะฉะนั้นแม้พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไป 2,500 กว่าปีแล้วก็ตาม แต่ยังมีสิ่งที่เป็นอนุสรณ์แห่งความดี เป็นเครื่องหมายที่ทำให้เราและชาวโลกได้ตรึกระลึกนึกถึงพระพุทธองค์ก็คือ พระมหาธรรมกายเจดีย์ที่เราร่วมกันสถาปนาขึ้นมาด้วยความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเป็นอย่างยิ่ง



พระมหาธรรมกายเจดีย์ พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ ศูนย์รวมดวงใจของมนุษย์และเทวดาในยุคนี้ เป็นเจดีย์ที่เราร่วมกันสร้างด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย และลงทุนลงแรงด้วยความเหนื่อยยาก ซึ่งจะก่อเกิดเป็นบุญใหญ่แก่เราทุกคน เหมือนฝนที่ตกลงมาในจักรวาล ไม่มีลมพายุ มีแต่เม็ดฝนล้วน ๆ ถ้าหากเราเอาภาชนะที่ไม่มีรูรั่วตั้งไว้กลางแจ้ง ฝนตกลงมาเท่าไรก็เต็มภาชนะฉันใด เราก็จะได้บุญกันเต็มที่ไม่รั่วไปไหนฉันนั้น เราสร้างเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา บุญกุศลที่เกิดขึ้นนอกจากจะทับทวีเป็นอสงไขยอัปปมาณังแล้ว การที่เราหาโอกาสเดินทางไปสวดมนต์สรรเสริญ คุณพระรัตนตรัยที่ลานธรรมพระมหาธรรมกายเจดีย์เป็นประจำ ยังจะเกิดบุญกุศลหนุนนำประสบความสุขความสำเร็จทั้งในโลกนี้โลกหน้า ทุกภพทุกชาติตราบถึงที่สุดแห่งธรรม

ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุค่ะ


กราบขอบพระคุณส่วนประกอบที่ทำให้บลอคสมบูรณ์ :
วารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนตุลาคม พุทธศักราช 2562 พร้อมภาพประกอบ


วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562

วันออกพรรษา...วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา




วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีนี้ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ คือ เป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษา หรือออกจากพรรษาที่ได้อธิษฐานเข้าจำพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน ในวันออกพรรษาในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เป็นวันที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มายังโลกมนุษย์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปจำพรรษา และแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเทพบุตรพุทธมารดา



วันออกพรรษา เรียกว่าอย่างหนึ่งว่า “วันปวารณา” หรือ “วันมหาปวารณา” คือวันที่พระสงฆ์ทำปวารณากรรม คือเปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันด้วยเมตตาจิตได้ เมื่อได้เห็นได้ทั้งหรือสงสัยในพฤติกรรมของกันและกัน
วันออกพรรษาหรือวันพระพุทธเจ้าเปิดโลก



ในพรรษาที่ 7 นับแต่ปีที่ตรัสรู้ พระพุทธองค์จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาอยู่หนึ่งพรรษา (3เดือน) ครั้นถึงวันปวารณาออกพรรษา วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 พระพุทธองค์จึงเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ทางบันไดทิพย์ ทั้ง 3 ได้แก่ บันไดเงิน และ บันไดทอง และ บันไดแก้ว ซึ่งสักกเทวราช (พระอินทร์) ให้พระวิษณุกรรมเนรมิตทอดจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่โลกมนุษย์ ที่ ประตูเมืองสังกัสนคร ที่นั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนต่างมารอรับตักบาตรภัตตาหารกันอย่างเนืองแน่นชาวพุทธจึงยึดถือปรากฎการณ์ในวัน แรม1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ เรียก “วันเทโวโรหณะ” และ วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก เพราะวันนั้นโลกทั้ง 3 คือ สวรรค์ มนุษย์ และ บาดาล (นรก) ต่างสามารถแลเห็นกันได้ตลอดทั้ง 3 โลก



ประวัติความเป็นมาของวันออกพรรษา

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาอยู่ ณ พระเชตุวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี มีพระภิกษุเหล่านั้นเกรงจะเกิดการขัดแย้งกันจนอยู่ไม่สุขตลอดพรรษา จึงได้ตั้งกติกาว่าจะไม่พูดจากัน (มูควัตร)  เมื่อถึงวันออกพรรษาพระภิกษุเหล่านั้นก็พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร กราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าทรงตำหนิ แล้วทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุกระทำการปวารณาต่อกันว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้วปวารณากันในสามลักษณะ คือด้วยการเห็นก็ดี ด้วยการได้ยินก็ดี ด้วยการสงสัยก็ดี”




ความสำคัญของวันออกพรรษา

วันออกพรรษา เป็นวันสำคัญของพุทธศาสนา ด้วยเหตุผลดังนี้
1. หลังจากวันออกพรรษาพระสงฆ์ได้รับพระบรมพุทธานุญาตให้จาริกไปค้างแรมที่อื่นได้

2. เมื่อออกพรรษาแล้วพระสงฆ์จะได้นำความรู้จากหลักธรรมและประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างพรรษาไปเผยแผ่แก่ประชาชน

3. ในวันออกพรรษาพระสงฆ์ได้ทำปวารณา เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ ความเคารพนับถือและความสามัคคีกัน

4. พุทธศาสนิกชนได้นำแบบอย่างไปทำปวารณาเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าว ตักเตือนตนเองเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาตนและสร้างสรรค์สังคมต่อไป

การถือปฏิบัติวันออกพรรษาในประเทศไทย

วันออกพรรษาเป็นวันปวารณาของพระสงฆ์โดยตรง ที่จะต้องประชุมกันทำปวารณากรรมแทนอุโบสถกรรม สำหรับพุทธศาสนิกชนฝ่ายคฤหัสถ์ ก็ถือว่าเป็นวันพระสำคัญ มักนิยมไปทำทานรักษาศีลและฟังธรรมเป็นกรณีพิเศษ

นอกจากนี้ ยังมีประเพณีเนื่องด้วยวันออกพรรษาอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า “ประเพณีตักบาตรเทโว”

วันออกพรรษา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเสด็จลงสู่มนุษย์โลก
ทางบันไดพาดลงใกล้เมืองสังกัสสะ




     คำว่า “ตักบาตรเทโว” มาจากคำเต็มว่า “ตักบาตรเทโวโรหณะ”  คือการตักบาตรเนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทบันทึกไว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์เป็นคู่ๆ) ที่ต้นมะม่วงใกล้เมืองสาวัตถีแล้วก็เสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่ 7 บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศนาพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา 3 เดือน ครั้นออกพรรษาแล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเสด็จลงสู่มนุษย์โลกทางบันไดพาดลงใกล้เมืองสังกัสสะ

วันออกพรรษา

หลักธรรมที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา

ในเทศกาลออกพรรษา มีหลักธรรมสำคัญที่ควรนำไปปฏิบัติ คือ ปวารณา การเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองได้ ในการปวารณานี้อาจแบ่งบุคคลออกเป็น 2 ฝ่าย คือ
1.ผู้ว่ากล่าวตักเตือน จะต้องเป็นผู้มีเมตตา ปรารถนาดีต่อผู้ที่ตนว่ากล่าวตักเตือน เรียกว่ามีเมตตาทางกาย ทางวาจา และทางใจ พร้อมมูล

2. ผู้ถูกว่ากล่าวตักเตือน ต้องมีใจกว้าง มองเห็นความปรารถนาดีของผู้ตักเตือน ดีใจดังมีผู้มาบอกขุมทรัพย์ให้ การปวารณา จึงเป็นคุณธรรมสร้างความสมัครสมานสามัคคีและดำรงความบริสุทธิ์หมดจดไว้ในสังคมพระสงฆ์ การปวารณา แม้จะเป็นสังฆกรรมของสงฆ์ ก็อาจนำมาประยุกต์ใช้กับสังคมชาวบ้าน เช่น การปวารณากันระหว่างสมาชิกในครอบครัว ในสถานศึกษา ในสถานที่ทำงาน พนักงานในห้างร้าน บริษัทและหน่วยงานราชการ เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของกิจกรรมวันออกพรรษา

1. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของวันออกพรรษารวมทั้งหลักธรรม เรื่อง ปวารณาและแนวทางปฏิบัติ

2. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมีทักษะในการคิดและการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในวันออกพรรษา และสามารถเลือกสรรหลักธรรม คือปวารณา ไปใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อพัฒนาตนและสังคม

3. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดเจตคติที่ดีต่อวันออกพรรษา และเห็นคุณค่าของการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคือ ปวารณา

4. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดศรัทธา ซาบซึ้งและตระหนักถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนา

5. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนได้อย่างถูกต้อง

วันออกพรรษา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันมหาปวารณา

วันมหาปวารณา เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือน

เรื่องความประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์

เมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่เมืองสังกัสสะนครนั้น พระองค์ทรงเนรมิตให้เทวดา มนุษย์ และสัตว์นรก สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้ ซึ่งต่อมาเรียกกันว่าเป็น “วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก” วันออกพรรษา ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันมหาปวารณา” เป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันด้วยเมตตาจิต ปรารถนาดีต่อผู้ถูกตัวเตือน ทั้งกาย วาจา ใจ ส่วนผู้ถูกตักเตือนก็ต้องมีใจกว้าง มองเห็นความปรารถนาดีของผู้กล่าวตักเตือน โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงมีพุทธานุญาตให้พระภิกษุกระทำการปวารณาต่อกันโดยมีความหมายว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้ว ปวารณากันในสามลักษณะคือ ด้วยการเห็นก็ดี ด้วยการได้ยินก็ดี และด้วยการสงสัยก็ดี”




วันออกพรรษา-ตักบาตรเทโวโรหณะ

ประเพณีตักบาตรเป็นประเพณีที่ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยครั้งพุทธกาล

ประเพณีสำคัญที่ชาวพุทธนิยมในเทศกาลวันออกพรรษา

1. ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ โดยในหลายที่ยังทำเป็นข้าวต้มลูกโยน มาไว้สำหรับใส่บาตรการตักบาตรเทโวเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชนจึงได้พร้อมใจกันนำภัตตาหารมาถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จนั้นมีจำนวนมาก บางพวกที่อยู่ห่างจึงไม่สามารถใส่อาหารลงในบาตรได้ จึงต้องทำข้าวให้เป็นก้อน แล้วโยนใส่บาตร จนกระทั่งเป็นประเพณีนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
    


ตักบาตรเทโว หมายถึง วันทำบุญตักบาตรในเทศกาลวันออกพรรษาตามความเชื่อของพระพุทธศาสนิกชนว่าเป็นวันที่เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังจากเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดา

“เทโว” ย่อมาจากคำว่า “เทโวโรหนะ” ซึ่งแปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก หมายถึง เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิณาณ แล้วทรงเทศนาโปรดประชาชนในแคว้นต่างๆ ของอินเดียตอนเหนือ ตั้งแต่เมืองราชคฤห์ เมืองพาราณสี เมืองสาวัตถี ตลอดถึงเมืองกบิลพัสดุ์ ซึ่งเป็นบิตุภูมิของพระองค์ทรงเทศนาโปรดพระประยูรญาติทั้งหลายถ้วนหน้า แล้วทรงปรารถนาจะสนองคุณพระมารดา ซึ่งหลังจากประสูติพระองค์ได้ 7 วัน ก็สิ้นพระชนม์ และได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ฉะนั้นในพรรษาที่ 7 หลังจากตรัสรู้พระพุทธองค์จึงเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดาอยู่พรรษาหนึ่ง ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาประทับที่เมืองสังกัสสะ ประชาชน พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อทำบุญตักบาตรอย่างหนาแน่น บางวัดก็ทำในวันออกพรรษา คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 บางวัดก็ทำในวันรุ่งขึ้น คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ทั้งนี้ แล้วแต่ความตกลงร่วมใจทั้งทางวัดและทางบ้าน พิธีทำนั้นทางวัดอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานในบุษบก ซึ่งตั้งอยู่บนล้อเลื่อนไปช้าๆ นำหน้าพระสงฆ์ พระภิกษุสามเณรถือบาตรเดินตามไปโดยลำดับ พุทธศาสนิกชนต่างก็นำอาหารมาเรียงรายกันอยู่เป็นแถว ตามแนวทางที่รถบุษบกนั้นจะผ่านเพื่อตักบาตร ของที่นิยมใช้ตักบาตรเทโว ซึ่งนอกจากเป็นข้าวปลาอาหารทั่วๆ ไปแล้วยังมีข้าวต้มมัดใต้และข้าวต้มลูกโยนอีกด้วย

การที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษาอยู่เพียงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เนื่องจากมีพระประสงค์จะให้พระพุทธมารดาได้บรรลุโลกุตรธรรมอันเป็นธรรมชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้

 2. ประเพณีทอดกฐิน ถือเป็นกาลทาน ที่เป็นประเพณีสำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง โดยมีระยะเวลา 1 เดือน หลังจากวันออกพรรษาคือวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ไปจนถึงกลางเดือน 12 

ประเพณีทอดกฐินมีระยะเวลา 1 เดือน หลังจากวันออกพรรษา อ่านต่อเพิ่ม



วันมหากฐินวันมหากาลทานวัดพระธรรมกาย ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย.พ.ศ. 2562

เรียนเชิญผู้มีบุญทุกท่านร่วมพิธีบุญใหญ่โดยพร้อมเพรียงกัน บุญทำให้ชีวิตเราทุกคนมีความสุขสมปรารถนาทุกประการ เพราะบุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จทั้งมวล

ดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า

สุโข  ปุญฺญสฺส  อุจฺจโย.
ความสั่งสมขึ้นซึ่งบุญ  นำสุขมาให้.

ที่มา : ขุททกนิกาย ธรรมบท (ขุ. ธ. 25/30)






กราบขอบพระคุณที่มาซึ่งความสมบูรณ์ของบลอค :





วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562

มนุษย์ขาดศีล 5 มีผลร้ายแรงต่อโลกเช่นไร ?





จากคลิปข่าวข้างต้นที่เกิดเป็นข่าวน่าสลดต่อผู้ได้เห็น เหตุ ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตนเองเกิดมาพร้อมความไม่รู้ จึงดำเนินชีวิตด้วยความประมาท ขาดหิริโอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป ดำเนินชีวิตอย่างผิดศีลผิดธรรม 

ด้วยความที่ผิดศีลข้อที่ 2 คือเกิดความโลภทำเหล้าปลอมขึ้นมาขายเองและผิดศีลข้อที่ 5 คือการดื่มสุราเมรัยของมึนเมาเข้าไป จากข่าว จึงทำให้ได้เกิดเรื่องน่าสลดใจมีคนดื่มเหล้าถึงแก่ความตายเกิดขึ้นตามลิงค์ข่าว

หายนะของมนุษย์ที่ขาดซึ่งการไม่มีศีลธรรมอันเป็นพื้นฐานที่มนุษย์พึงมีสิ่งนั้นก็คือ ศีล 5 นั่นเอง และทุกวันนี้จากที่ได้อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์การฆ่ากันตายรายวันก็มีให้เห็นทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ การผิดศีลข้อที่ 3 คือการไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองทำให้ปัญหาครอบครัวหย่าร้าง ปัญหาลูกหลานโดนกระทำต่างๆ การใช้คำพูดส่อเสียดพูดเท็จทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อผู้มีศีลอันมีผลให้เกิดการใช้วาจาจาบจ้วงผู้มีศีลทำให้สร้างบาปกรรมอย่างมากมาย



การกระทำต่างๆนี้ล้วนมีผลมาจากมนุษย์ห่างไกลศีลธรรม ขาดการให้ความสำคัญพาบุตรหลานและคนที่เรารักเข้าวัดไปกราบขอความรู้จากพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม ซึ่งมีหน้าที่ศึกษาคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนำมาถ่ายทอดให้พวกเราได้เรียนรู้แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อเราทุกคนจะได้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัยในแต่ละวัน

ขอนำคำทำนายกว่า 2500 ปี ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  สิ่งที่พระองค์ทรงทำนายกำลังเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย ณ ขณะนี้  




ครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้ครองกรุงสาวัตถี ได้เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล ครั้นล่วงปัจฉิมยามใกล้รุ่ง ได้ทอดพระเนตรเห็น พระสุบินนิมิตอันใหญ่หลวงถึง 16 ประการ อันเป็นพระสุบินที่แปลกประหลาด จึงทรงตกพระทัยตื่นบรรทมและครั้นรุ่งเช้า ก็ได้ให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักทำนาย

พวกพราหมณ์ปุโรหิต ก็พากันทำนายว่าเป็นพระสุบินที่ร้ายและว่าพระองค์จะต้องประสบภัยอันตราย 3 ประการ ไม่เสียราชทรัพย์ ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน หรือไม่ก็ต้องสวรรคต อย่างใดอย่างหนึ่ง และแนะให้พระองค์ทำพิธีบูชายัญสัตว์ เพื่อสะเดาะเคราะห์ เมื่อพระนางมัลลิกา พระมเหสีทราบเรื่องเข้า จึงทูลให้ไปขอคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรงทำนายว่า เหตุร้ายนั้นจะมีแน่นอน เพียงแต่มิใช่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล หรือแว่นแคว้นของพระองค์ แต่เหตุร้ายเหล่านี้จะเกิดแก่สัตว์โลกทั่ว ๆ ไป
และแก่พระศาสนาของพระพุทธองค์ในภายภาคหน้า เมื่อล่วงเลยพุทธกาลไปแล้ว 2500 ปี หลังจากนั้น ต้องรอยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย์ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเสด็จมาโปรดสัตว์ ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล และคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง  16 ประการ ประกอบด้วย

1.ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4 ตัว ต่างคิดจะชนกัน ก็พากันวิ่งมาสู่ท้อง พระลานหลวงจาก 4 ทิศ ฝูงชนต่างรอดู โคทั้งสี่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป ไม่ชนกัน


พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายว่า ในอนาคตในชั่วศาสนาของพระองค์ เมื่อโลกหมุน ไปถึงจุดที่เสื่อมลง มนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ฝนฟ้าจักแล้ว ทุพภิกขภัยจักเกิดขึ้น คล้ายเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มีเสียงคำรามกระหึ่ม แต่แล้วก็ไม่ตกกลับเลยหายไปเหมือนโคตั้งท่าจะชนกัน แต่ไม่ชนกันฉะนั้น อ่านต่อเพิ่ม



ถึงเวลาแล้วหรือยังคะที่เราทุกคนจักให้โอกาสตนเองมาศึกษาธรรมะจากพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม แล้วนำสิ่งดีๆที่เราได้รับมาสู่ใจของเรา เพื่อตัวเราและคนที่เรารัก สังคมประเทศชาติจะได้ดำรงค์อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน สภาวะดินฟ้าอากาศไม่เป็นภัยแก่มวลมนุษย์ชาติ

ความรู้ง่ายๆและเป็นพื้นฐานของมนุษย์พึงมีเป็นปกตินั่นก็คือ ศีล 5 นั่นเอง มาศึกษาดูว่าศีล 5 มีอะไรบ้างปฏิบัติแล้วเราจะได้รับผลดีอย่างไร

ศีล 5 ศีลห้าคืออะไร หมายถึงอะไร

ศีล หมายถึง ความตั้งใจที่งดเว้นจากความชั่ว ความทุจริต และสิ่งที่ไม่ดีทุกประการ ดังที่พระสารีบุตรได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคว่า “ศีล คือ เจตนา ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากกายทุจริต 3 (คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม) และวจีทุจริต 4 (คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ)”


ศีล 5 คืออะไร ?

ศีล คือ “ เจตนา” ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากกายทุจริต 3 (ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ลักทรัพย์, ไม่ประพฤติ ผิดในกาม) และวจีทุจริต 4 (ไม่พูดเท็จ, ไม่พูดคำหยาบ, ไม่พูดส่อเสียด, ไม่พูดเพ้อเจ้อ)
ศีล คือ “ เจตสิก” หมายถึงการงดเว้นจากมโนทุจริต 3 (ความโลภอยากได้ของผู้อื่น, มีจิตคิดพยาบาท, มีความเห็นผิด)
ศีล คือ ความสำรวมระวัง ปิดกั้นความชั่ว
ศีล คือ การไม่ล่วงละเมิดข้อห้าม

ศีล 5 คือ มนุษยธรรม หรือธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์
ศีล 5 เป็นสิ่งที่มนุษย์ช่วยกันบัญญัติขึ้นมา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข จากสามัญสำนึกที่รู้ว่า เมื่อเรามีความรักตนเอง ต้องการความสุข ความปลอดภัยในชีวิต คนอื่นก็ย่อมมีความรู้สึกเช่นเดียวกับเรา ด้วยเหตุนี้แม้ในยุคที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น ศีล 5 ก็มีอยู่แล้ว

แม้ศีลจะมีหลายความหมาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เจตนา ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า

ศีล คือ ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากความชั่ว ความทุจริต สิ่งที่ไม่ดีทุกประการ

 มนุษย์ แปลว่า สัตว์ที่มีจิตใจสูง สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล

มนุษย์มีเหตุ  มีผลรู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่สัตว์ไม่มีสิ่งนี้เมื่อใดที่มนุษย์มีศีล 5 ครบ ความเป็นมนุษย์ก็สมบูรณ์ กายก็เป็นปกติ วาจาก็ปกติ ใจก็ปกติ เมื่อไรศีล 5 ขาด ความเป็นมนุษย์ก็ลดลง
      


ศีล 5 จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
โดยแต่ละข้อสามารถแบ่งแยกความเป็นมนุษย์กับสัตว์ได้ดังนี้




 ข้อ 1  ตั้งใจงดเว้นจากการฆ่าสัตว์

ตามปกติมนุษย์เราไม่ฆ่ากัน ต่างจากพวกสัตว์ เช่น เสือ สิงโต เวลาหิวก็ไล่ล่าสัตว์อื่นกินทันที ศีลข้อ 1 จึงแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์ได้อย่างชัดเจน





ข้อ 2 ตั้งใจงดเว้นจากการลักขโมย

ธรรมชาติของมนุษย์จะไม่ลักขโมยทรัพย์สินของใครเพราะมนุษย์มีความรู้เรื่อง กรรมสิทธิ์ ว่านี่ของเขา นี่ของเรา แต่สัตว์ไม่รู้ เช่นเวลาสุนัขเห็นแมวกินปลาอยู่  ถ้าอยากได้มันจะเข้าไปแย่งเลย ดังนั้นถ้าใครลักขโมย จี้ปล้นทรัพย์สินของคนอื่น ก็แสดงว่าขณะนั้นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาสูญเสียไปแล้ว




ข้อ 3 ตั้งใจงดเว้นจากการประพฤติในกาม

ปกติมนุษย์รู้จักควบคุมความต้องการของตัวเอง รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ต่างจากสัตว์ เช่น สุนัขเมื่อถึงคราวฮอร์โมนเพศทำงาน มันจะกัดแย่งตัวเมีย แต่มนุษย์ปกติจะไม่เป็นเช่นนั้น




ข้อ 4 ตั้งใจงดเว้นจากการพูดเท็จ  พูดคำหยาบ คำส่อเสียด เพ้อเจ้อ

ปกติมนุษย์จะไม่หลอกลวงกันและไม่เบียดเบียนคนอื่น ด้วยคำพูด ต่างจากสัตว์ เช่น สุนัขที่อยู่ในบ้าน พอมีสุนัขตัวอื่นหรือมีคนเดินผ่านมา มันจะเห่าทันทีเลย แต่มนุษย์เราไม่เป็นเช่นนั้น อยู่ดีๆ เราจะไม่ว่ารึว่าด่าใคร




ข้อ 5 ตั้งใจงดเว้นจากดื่มสุราเมรัย อันเป็นต้นเหตุแห่งความประมาท

ปกติสัตว์ใหญ่มีกำลังมากกว่ามนุษย์ แต่บังคับทิศทางไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีสติควบคุม ดังนั้นสัตว์จึงไม่สามารถเปลี่ยนกำลังกายให้เกิดเป็นคุณงามความดีอะไรได้แต่ มนุษย์มีสติควบคุมการกระทำ ทำให้สามารถเปลี่ยนกำลังกายมาเป็นการกระทำความดีได้ แต่เมื่อใดที่มนุษย์ดื่มสุรา ของมึนเมา หรือยาเสพติดเข้าไป ก็จะขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจทำให้สามารถทำเรื่องเลวร้ายได้ ศีลข้อ 5_นี้ จึงเป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะคนที่ขาดสติสามารถทำความชั่วได้ทุกอย่างและผิดศีลข้ออื่นได้ทุกข้อ



การรักษาศีล 5
ศีล เป็นบ่อเกิดแห่งความสงบ ความดีงาม เนื่องจากศีลเป็นคุณธรรมที่ช่วยรักษา กาย วาจาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

การรักษาศีล เป็นบุญกิริยาวัตถุ คือ วิธีการทำบุญอย่างหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่เราตั้งใจงดเว้นจาก ความชั่ว ตั้งใจที่จะไม่เบียดเบียนใคร ย่อมจะเกิดกระแสแห่งความดี เกิดความเมตตาขึ้นมาในใจ ที่เราเรียกว่า กระแสบุญ อันเป็นเครื่องชำระจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ การรักษาศีลจึงเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต และจิตใจให้บริสุทธิ์ดีงามยิ่งขึ้น

การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ จะทำให้ใจสงบ ปลอดกังวล ช่วยให้สามารถบรรลุธรรมได้โดยง่าย ศีลจึงเป็นคุณธรรมที่นำไปสู่กุศลธรรมเบื้องสูงคือ สมาธิ และ ปัญญา ศีล อ่านเพิ่มเติม 

 สรุปความว่า

ถ้าเราปรารถนาที่จะดำรงค์ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข เราควร  มีศีล 5 เป็นปกติ และควรตั้งใจรักษาศีลให้ได้ สำคัญเราจะตั้งใจรักษาเพียงคนเดียวไม่ได้ เพราะเราดีคนเดียวโดยที่รอบข้างเราไม่มีศีลเลยไม่ได้ เราต้องชักชวนคนที่เรารักและคนที่เราปรารถนาดี เพื่อนบ้านคนในชุมชน ในหมู่บ้าน ในประเทศรวมทั้งสังคมโลกให้เห็นความสำคัญของการมีศีล 5 ว่าดีกับผู้รักษาเพียงใดและร่วมกันรักษา 

อานิสงส์ของการรักษาศีลจะทำให้มีความสุข  อยู่ดีกินดี ไร่นาพืชสวนอุดมสมบูรณ์ และจะมีแต่การเอื้ออาทรไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ขโมยก็จะไม่มี  ปัญหาครอบครัวจะไม่เกิด จะมีคำพูดที่สร้างสรรค์แก่กัน การกระทบกระทั่งจะไม่เกิด  และข่าวเรื่องคนดื่มเหล้าเสียชีวิตที่เป็นข่าวนำมาซึ่งความสลดใจก็จะไม่เกิดขึ้น  จะทำให้มีสติสัมปชัญญะเวลามีปัญหาอะไรเราจะมีปัญญาแก้ปัญหาให้ผ่านไปด้วยดี  สุดท้ายสิ่งดีๆทั้งหลายทั้งปวงก็จะบังเกิดรวมทั้งสภาพดินฟ้าอากาศไม่แปรปรวน ฝนตกต้องตามฤดูกาล  

สถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมภาคอีสานที่พี่น้องร่วมชาติเรากำลังประสบ อยู่  เหตุเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีศีล 5 เป็นปกติ กระทำผิดศีลทุกข้อ  ทำให้บุญประเทศพร่องปัญหาต่างๆจึงเกิดขึ้นมากมายตามที่เราประสบกันอยู่ ณ เวลานี้  ถ้าเราร่วมใจกันสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยการ ตั้งใจรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติทุกวัน  สถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาดีและดีที่สุด  



ท้ายที่สุดนี้ ทุกท่านโชคดีที่เกิดมาในประเทศที่มีพระพุทธศาสนา มีคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราได้ยึดเป็นแบบแผนเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดี  โปรดรักษาความโชคดีนี้ด้วยการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท  ด้วยการวันใดถ้ายังไม่อาราธนาศีล 5 วันนั้นเราจะยังไม่ออกจากบ้าน เพื่อเราจักได้ดำเนินชีวิตที่ดีอย่างมีความสุขและปลอดภัย ในสังสารวัฏ
ดังพุทธศาสนสุภาษิตความว่า


ปณฺฑิโต  สีลสมฺปนฺโน  ชลํ  อคฺคีว ภาสติ.
บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีล  ย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟสว่าง.

ผู้ที่ตั้งตนอยู่ในศีล 5 ข้อ คือ 1.งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ 2.งดเว้นจากการลักทรัพย์ 3.งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม 4.งดเว้นจากการพูดเท็จ 5.งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย ดังนั้น บัณฑิต ผู้ดำรงตนอยู่ในศีลดังกล่าวแล้ว ย่อมถึงความรุ่งเรือง เจริญทั้งในชีวิต และหน้าที่การงาน เป็นต้น เหมือนไฟสว่างย่อมขจัดความมืดเสียได้.

ที่มา : ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค (ที. ปาฏิ. 11/202)




กราบขอบพระคุณที่มาความสมบูรณ์ของบลอค :
ความรู้เรื่องศีล5และภาพประกอบ
บทความ : คำทำนายกว่า 2500 ปี ของพระพุทธเจ้า
บทความ : พุทธพจน์จากหนังสือเรียงความแก้กระทู้ธรรมชั้นตรี หน้า 237
นักเขียนอิสระ : คนจริงใจ ใจใสบริสุทธิ์


วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2562

พุทธวิธี...แก้วิกฤติคับขันให้เป็นสุขทำอย่างไร ?




วันนี้ขอน้อมนำโอวาทของหลวงพ่อทัตตชีโว ในเรื่องจะทำอย่างไร เมื่ออยากให้สิ่งดี ๆ เกิดกับตัวเอง ?



หลวงพ่อ
ในกรณีที่อยากจะให้สิ่งที่ดี ๆ เกิดกับตัวเอง เกิดกับธุรกิจการงาน เกิดกับที่ไร่ที่นาของตัวเอง แม้ที่สุดแล้วเกิดกับบ้านเมืองของตัวเอง ตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วท่านใช้วิธีอะไร ท่านก็ใช้วิธี เติมบุญ ให้แก่ตนเอง เติมบุญให้แก่ไร่กับนา เติมบุญให้แก่ลูกกับหลาน เติมบุญให้แก่แว่นแคว้นของตัวเอง พระราชาในอดีต เวลาบ้านเมืองเกิดฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น พระองค์ทรงแก้ไขปัญหากันอย่างไร ก็อาศัยการเติมบุญแบบนี้เช่นกัน

สมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จไปเมืองไพสาลี ขณะที่โรคกำลังระบาดอยู่ พระองค์ก็เจริญภาวนาแผ่เมตตาแล้วก็ทำน้ำมนต์ให้พระอานนท์ นำไปพรมทั่วเมืองไพสาลี ก็ปรากฏว่าโรคห่าที่ระบาดทั้งเมืองหายไปเป็นปลิดทิ้งในวันนั้น ด้วยอำนาจพุทธมนต์ ด้วยอำนาจบุญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็ด้วยอำนาจบุญของประชาชนทั้งไพสาลีด้วย เพราะแต่ละท่านก็เป็นลูกศิษย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเจริญพุทธมนต์ ก็ทรงนำมหาชนนั่งสมาธิไปด้วย ประชาชนก็นั่งสมาธิตาม เป็นวิธีที่พระองค์เติมบุญให้ ส่วนประชาชนก็หัดพึ่งตัวเองคือสร้างบุญให้ตัวเอง แล้วบุญของประชาชนเหล่านั้น ไปรวมกับบุญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แก้ไขให้เมืองไพสาลีพ้นโรคระบาดได้ นี่คือวิธีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงใช้มาในอดีต

หลวงพ่อเคยเห็นเมื่อตอนเด็ก ๆ เวลาบางคนทำงานแล้วแดดมันร้อนเชียว ร้อนแล้วเขาทำอย่างไร เขาก็ด่าดวงอาทิตย์ ด่าแดด ด่าลม ว่ากันเรื่อยไป บางแห่งน้ำท่วมก็ด่าฟ้า ด่าฝน อย่างนี้ทำผิดวิธี

หลวงพ่อเคยถามคุณยายว่า เขาด่าลม ด่าฝน ด่าดวงอาทิตย์ ดวงดาว ดวงจันทร์ ด่าอะไรไป พวกนี้จะเป็นอย่างไร คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง บอกว่า ก็เพิ่มบาปให้แก่ตัวเองน่ะสิ อย่างนี้ล่ะก็เดี๋ยวได้ร้อนข้ามชาติหรอกนะ

หลวงพ่อก็ถามคุณยายต่อ แล้วทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง คุณยายบอกว่า ให้ภาวนาในใจ สัมมาอะระหัง ไปสิ ทำตามอย่างที่หลวงปู่ท่านเคยสอนนั่นแหละ เพราะเราภาวนา สัมมาอะระหัง ไป ก็ช่วยให้ใจเย็นอยู่ภายในไป แล้วบุญก็เกิด บุญนั้นแหละถ้ามากพอ ห้ามดวงอาทิตย์ ห้ามดวงดาว ดวงจันทร์ได้ทีเดียว ถ้าไม่มากพอเพราะเราฝึกใหม่ก็ไม่เป็นไร ถึงบุญไม่มากพอขนาดไปห้ามดวงอาทิตย์ได้ แต่บุญที่เกิดขึ้นจากภายใน ก็สร้างความชุ่มเย็นให้แก่กายกับใจของผู้นั้นได้

หลวงพ่อก็เคยทดลองก่อนจะบวช เมื่อเริ่มสร้างวัดพระธรรมกายยุคบุกเบิกท้องนา 196 ไร่ ของวัดพระธรรมกาย จะหาต้นไม้ขึ้นสักต้นก็ยาก อยู่กันกลางแดดร่วมกับธรรมทายาท เวลาทำงานกันกลางแดด ช่วยกัน สัมมาอะระหัง ไป อธิษฐานจิตไป มันก็แปลกนะ พอได้ส่วนเข้าธรรมทายาทเป็นร้อย ๆ ช่วยกัน สัมมาอะระหัง ไป กำหนดองค์พระชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง ก็ตามประสาฝึกใหม่เพิ่งหัดนี่นะ ทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์ องค์พระชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ดวงแก้วชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ก็แปลก สักครู่เดียวเมฆตั้งขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้ ก็พอได้เย็นกันทีเดียว



ตรงกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ขอให้ประพฤติปฏิบัติธรรมเถิด เมื่อประพฤติได้ถูกส่วนแล้ว ก็เป็นอกาลิโก ไม่ถูกบังคับด้วยกาลเวลา ว่าต้องเมื่อนั้นเมื่อนี้ถึงจะทำได้ ไม่ต้องพุทธกาลเท่านั้นที่จะทำได้ เวลาไหนก็เป็นไปได้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส

แม้ในกาลไหน ๆ หากว่าประพฤติปฏิบัติธรรม โอกาสที่ผลการปฏิบัติธรรมจะแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ขึ้นมาพร้อมที่จะเกิดได้ทุกครั้งหากเราทำได้ถูกส่วน ก็อย่างที่หลวงปู่ท่านสอนเอาไว้ ชาวนาไถนาไปก็ สัมมาอะระหัง ไป ก็เป็นการปฏิบัติธรรม บุญเกิดตามส่วนของท่านผู้นั้นที่ปฏิบัติ ถึงแม้ยังไม่บรรลุธรรมแต่บุญก็เกิด บุญที่เกิดนั้นพอทำให้ไร่นาของตัวเองเจริญงอกงามขึ้นมาได้

แม่บ้านต้มผักต้มแกงหุงข้าวไป สัมมาอะระหัง ไป ใจก็หยุดนิ่งตามส่วนของแม่บ้านบุญก็เกิดตามส่วน กับข้าวกับปลาที่ทำก็กลายเป็นกับข้าวกับปลาที่เติมบุญ กับข้าวกับปลากลายเป็นกับข้าวทิพย์ กับข้าวบุญ เหมาะจะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมาะจะเป็นทั้งอาหารเหมาะทั้งที่จะเป็นยาอายุวัฒนะให้แก่ครอบครัวทั้งครอบครัว หลวงปู่สอนอย่างนี้ ใครทำตามก็เจริญงอกงามทั้งนั้น

ในสมัยพุทธกาลก็อย่างที่เล่ามา เมืองไพสาลีเกิดโรคระบาด พระพุทธองค์ทรงสอนให้ประชาชนทั้งเมืองเพิ่มบุญเติมบุญให้ตัวเองอย่างนี้ พลิกในชาดกก็พบเหมือนกันว่า เวลาบ้านเมืองเกิดฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล มีแคว้นหนึ่ง พระราชาได้ทรงทราบข่าวว่า แคว้นข้างเคียงของตนฝนตกต้องตามฤดูกาลดี แคว้นของตนฝนไม่ตกสักที แล้งเอย ห่าเอยจะระบาดเมืองตนเองตาย คิดว่าช้างทรงของพระราชาแคว้นโน้นคงจะมีอิทธิฤทธิ์ทำให้ฝนตกได้ ก็รีบส่งทูตไปขอ พระราชาแคว้นนั้นยิ้มแล้วบอกว่า ช้างน่ะให้ได้ แต่มันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ถ้าทั้งพระราชาและชาวพาราทั้งแคว้นไปตั้งใจรักษาศีลเหมือนอย่างที่แคว้นเราทำ แล้วก็ตั้งใจทำภาวนาอย่างที่เราและคนในแว่นแคว้นของเราทำ เดี๋ยวฝนก็ตกต้องตามฤดูกาลเอง เมื่อได้รับทราบอย่างนั้นแล้ว พระราชาแคว้นที่ฝนฟ้าก็ตกต้องตามฤดูกาลดี

การรักษาศีล คือ หยุดทำบาป แล้วก็ทำบุญกันทั้งเมือง แล้วก็ทำภาวนากันไป ปิดตาแล้วก็เปิดใจกัน เปิดใจทำอะไร เปิดใจสำรวจข้อบกพร่องของตัวเอง ฟังให้ดีนะ เวลาเกิดเรื่องร้ายไม่เหมาะไม่ควรอะไร ไม่ต้องไปโทษคนอื่น ให้รีบหลับตาแล้วก็ทำสมาธิ สัมมาอะระหัง ก็ได้ 
พุทโธ ก็ได้ ยุบหนอ พองหนอ ก็ได้ ให้ถูกส่วนเถอะ เดี๋ยวใจจะเปิดออกมาเอง พอใจหยุดนิ่งถูกส่วนล่ะก็ เดี๋ยวจะเปิดใจออกมาเอง ทำให้เห็นทั้งข้อบกพร่องและข้อดีของตัวเองชัดขึ้นมา ที่บกพร่องก็แก้ไขเสีย ที่ถูกต้องดีแล้วก็พัฒนาทำให้มันยิ่งขึ้นไป บุญใหม่ก็เกิด วิธีการอะไรที่ถูกต้องก็เอามาใช้งาน เดี๋ยวก็จะทำให้อุปสรรคต่าง ๆ ทั้งหลายมลายหายไปโดยอัตโยมัติ ไปค้นดูได้ในพระไตรปิฎกมีแต่อย่างนี้ ถ้าต่อไปในภายภาคหน้า
1.ประสบเหตุเภทภัยอะไรก็ต้องไม่ไปโวยวายอะไรกับใคร ปิดตาเปิดใจ สัมมาอะระหัง สร้างบุญเพิ่มบุญให้แก่ตัวเองและหมู่คณะยิ่ง ๆ ขึ้นไป
2.แม้ประสบสุขความสำเร็จอะไรแล้ว  ก็พึงทำ สัมมาอะระหัง
ปิดตาเปิดใจ เพิ่มบุญทับทวีบุญ ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตัวของเรา กิจการของเรา บริษัทของเรา แม้ประเทศชาติของเรา ก็มีแต่จะเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไปเช่นกัน
เมื่อรู้วิธีที่ถูกต้อง คือ การเติมบุญให้ตัวเองแล้ว ก็หัดนั่งสมาธิกัน ปิดตาแล้วก็เปิดใจ ให้บุญเกิดข้างในเยอะ ๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง

ดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า

พหูนํ  วต  อตฺถาย          อุปฺปชฺชนฺติ  ตถาคตา
อิตฺถีนํ  ปุริสานญฺจ          เย  เต  สาสนภารกา.

พระตถาคตเจ้าย่อมเกิดขึ้น  เพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มาก
คือ  สตรีและบุรุษผู้ทำตามคำสอน.

ที่มา : ขุททกนิกาย เถรคาถา (ขุ. เถร.)


กราบขอบพระคุณที่มาของบทความที่ทำให้บลอคสมบูรณ์ :
โอวาทหลวงพ่อทัตตชีโว จากหนังสือวารสารอยู่ในบุญประจำเดือนกันยายน พ.ศ.2562


ประโยชน์ที่ได้รับ...จากการทำสมาธิ

    สมาธิก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง บางคนหากไม่ได้สังเกตก็อาจไม่ทันรู้ตัวว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นเป็นผลมาจากสติปั...