วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

มกสชาดก...ชาดกว่าด้วยความบ้องตื้น


นิทานชาดกเป็นสมบัติล้ำค่าของชาวพุทธ นิทานชาดกมิใช่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสอนคุณธรรม แต่นิทานชาดกคือเรื่องในอดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงแสดงแก่พระภิกษุในโอกาสต่างๆ เพื่อเป็นแบบแผนในการทำความดี หลักธรรมที่ได้จากการรับชมรับฟังนิทานชาดกนี้ สามารถนำไปใช้ให้เป็นคุณประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของตนเองและผู้อื่น

มกสชาดก
ชาดกว่าด้วยความบ้องตื้น

สถานที่ตรัสชาดก
หมู่บ้านแห่งหนึ่งในแคว้นมคธ





ครั้งหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุหมู่หนึ่งเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในแคว้นมคธ ตลอดทางที่เสด็จผ่านนั้นพระองค์ทอดพระเนตรเห็นผู้ชายชาวบ้านทั้งหลาย ต่างนอนซมอยู่ตามพื้นบ้าน บางคนกำลังพอกยา หรือให้ลูกให้ภรรยาทำแผลให้ แต่ละคนมีบาดแผลเหมือนถูกธนูบ้าง ถูกมีดบ้าง บางคนก็เขียวช้ำเหมือนถูกฟาดด้วยท่อนไม้ ดูราวกับได้รับบาดเจ็บมาจากการรบทัพจับศึกไป
มีชาวบ้านเพียงไม่กี่หลังคาเรือนเท่านั้นที่มิได้มีบาดแผลหรือเจ็บป่วยเลย พวกเขาได้ชวนกันถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระภิกษุ เมื่อพระพุทธองค์ทรงรับภัตตาหารแล้ว ได้ตรัสถามถึงความเจ็บป่วยของชาวบ้านเหล่านั้น อุบาสกทั้งหลายจึงกราบทูลว่า
พวกเขาเข้าไปตัดไม้ในป่า ถูกฝูงยุงรุมกัดอยู่เสมอ จึงชวนกันถืออาวุธเข้าไปไล่ยุง แต่กลับเป็นว่าต่างคนต่างถูกอาวุธของพวกเดียวกันได้รับบาดเจ็บกลับมา พระพุทธเจ้าข้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า
มิใช่แต่บัดนี้หรอกนะ ที่คนอันธพาลคิดว่าจะประหารยุงแต่กลับมาประหารกันเอง แม้เมื่อชาติก่อนนั้นก็เคยมีมาแล้ว
ชาวบ้านเหล่านั้นจึงกราบทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ ทรงเล่าเรื่องราวแต่หนหลัง พระพุทธองค์จึงตรัสเล่า มกสชาดก ดังนี้

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตชนบทชายแดน แคว้นกาสี ชายชาวบ้านทุกคนมีฝีมือในการก่อสร้าง ทำเครื่องเขียน และแกะสลักไม้เป็นอย่างมาก
วันหนึ่ง ขณะที่ช่างไม้หัวล้านคนหนึ่งกำลังขะมักเขม้นถากไม้อยู่นั้น ยุงตัวหนึ่งได้บินมาเกาะที่กลางหัวที่ล้านเลี่ยนราวกับกระโหลกทองแดงคว่ำของเขา แล้วใช้ปากอันแหลมคมของมัน แทงลงไปกลางหัวล้านนั้นทันที
ช่างไม้หัวล้านสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ บวกกับความโกรธในขณะนั้นทำให้เขารู้สึกว่าความเจ็บจี๊ดนั้น เป็นความเจ็บปวดที่แสนสาหัสราวกับถูกหอกแหลมๆ ปักลงมาเต็มที่ เขาจึงทนนั่งคอแข็งไม่ขยับตัวเพราะกลัวยุงจะบินหนีไปเสียพลางร้องสั่งลูกชายซึ่งอยู่ใกล้ๆว่า
ลูกเอ๊ย.. ไอ้ยุงวายร้ายมันกำลังเจาะกบาลพ่ออยู่ เจ็บยังกะถูกหอกแทง เอ็งรีบมาจวกมันให้ตายที่เถอะ
ลูกชายได้ฟังดังนั้น จึงบอกว่า
พ่อนั่งนิ่งๆนะเดี๋ยวฉันจะจวกมันให้ขาด 2 ท่อนเลย   


ลูกโง่ของช่างไม้คิดว่า จะฆ่ายุง กลับฟันหัวพ่อเสียเป็น 2 เสี่ยง
นิทานชาดกอันดับที่ 5

ว่าแล้ว ลูกชายก็คว้าขวานที่วางอยู่แถวๆนั้น แล้วย่องเข้ามาทางด้านหลัง ตาจ้องเขม็งไปที่ยุงที่เกาะนิ่งอยู่บนหัวล้านพ่อแล้วเงื้อขวานฟันฉั่วะลงไปเต็มแรง
พอสิ้นเสียงฉั่วะ หัวล้านของช่างไม้ก็แบะออกเป็น 2 เสี่ยง ทั้งเลือดทั้งมันสมองกระเด็นแตกกระจาย ช่างไม้ก็ตายคาที่อยู่ตรงนั้นเอง
ในขณะนั้น มีพ่อค้าผู้หนึ่งกำลังหาซื้อของอยู่แถวนั้น บังเอิญแวะเข้าไปพักอยู่ในโรงช่างของช่างไม้พอดี เมื่อเห็นลูกช่างไม้เงื้อขวานขึ้นฟันหัวพ่อ ก็รีบร้องห้ามแต่ไม่ทันการ จึงได้แต่ยืนดูศพของช่างไม้ด้วยความสลดใจ แล้วรำพึงว่า
มีศัตรูที่มีปัญญา ยังดีเสียกว่ามีมิตรที่โง่เขลา ลูกโง่ของช่างไม้คิดว่า จะฆ่ายุง กลับฟันหัวพ่อเสียเป็น 2 เสี่ยง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า
พ่อค้าที่เห็นเหตุการณ์ ได้มาเป็นพระองค์เอง


ข้อคิดจากชาดก

1.การที่คนเราคิดจะฆ่าผู้อื่น แต่แล้วกลับกลายเป็นการฆ่าตัวเองนั้น แม้ในปัจจุบันก็มี เช่นการที่เราใช้ยาฆ่าแมลง  ฉีด พ่น เพื่อ ฆ่ามด ยุง แมลงสาบ ตั๊กแตน หนอน ฯลฯ นั้น  แม้จะฆ่าได้บ้าง แต่พิษของยาฆ่าแมลงที่ตกค้างอยู่ตามเสื้อผ้า บ้านเรือน ผัก ผลไม้ และยังคงส่งผลร้ายให้ตนได้รับสารพิษนั้นทีละเล็กทีละน้อย เป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่งโดยไม่รู้ตัว

 2.แม้ในเรื่องการหาเงินตราเข้าประเทศ นักการเมืองบางท่านเสนอให้นำอบายมุข เป็นต้นว่าบ่อนการพนัน หรือการบันเทิงเริงรมย์ มาเป็นเครื่องล่อชาวต่างชาติ โดยไม่คำนึงถึงว่าจะทำให้คุณธรรม ความดีของคนหายไปอย่างไรบ้าง นับเป็นความคิดบ้องตื้นไร้ปัญญาอย่างยิ่ง

3.ผู้ที่จะใช้คนบ้องตื่นทำงาน ควรระมัดระวังให้ดีเพราะเขาอาจจะทำความเสียหายร้ายแรงให้เกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้

4.คนที่มีศัตรูเป็นบัณฑิตนั้น ยังดีเสียกว่ามีคนโง่เป็นมิตร เพราะเขายังเกรงอาญาแผ่นดิน ไม่ถึงกับฆ่าคนได้

ดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า

เสยฺโย อมิตฺโต มติยา อุเปโต
น เตวว มิตฺโต มติวิปฺปหีโน
กมฺสํ วธิสฺสนฺติ หิ เอลมูโค
ปุตฺโต ปิตุ อพฺภิทา อุตฺตมงฺคํ.

มีศัตรูที่มีปัญญา ดีกว่ามีมิตรที่โง่เขลา
ความโง่เขลาของลูกช่างไม้ที่คิดจะฆ่ายุง
กลับผ่าหัวพ่อตนเสีย ดังนี้.


ที่มา : ขุททกนิกาย ชตกฺ 27/44 สุตตนิบาต 27/15


ขออธิบายศัพท์
มกสชาดก (อ่านว่า มะ-กะ-สะ-ชา-ดก)
มกส          คือ       ยุง
บ้องตื้น                 มีความคิดอย่างโง่ๆ
กบาล                   หัว,ศรีษะ
จวก                      สับ,ฟัน,หรือตีผู้อื่นโดยแรง


กราบขอบพระคุณที่มาของบทความ
พระธรรมเทศนาโดยหลวงพ่อทตฺตชีโว  นิทานชาดกอันดับที่ 5 เรื่องมกสชาดก หน้า41-45
ชาดก 500 ชาติ  


วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

นิทานชาดก...ต้นแบบการทำความดีของชาวพุทธ


              คนในโลกนี้อยากทำดี อยากเป็นคนดีทุกคนแต่เพราะเหตุที่ไม่มีต้นแบบดีๆ เป็นแบบอย่าง จึงต่างคิดหามาตรฐานทำความดีต่างกันไป ที่พอมีปัญญาก็ทำดีถูกวิธีได้สร้างสมความดีเป็นบารมีเพิ่มพูนติดตัวไป ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นคน แต่ที่มีปัญญาน้อยเห็นผิดเป็นชอบก็หลงทาง ขาดทุนไปชาติหนึ่ง


                   ชาดก 500 ชาติ

         ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรศึกษาต้นแบบการทำความดีจาก “ชาดก” แม้ว่ามีบางเรื่องที่เป็นนิทานพื้นบ้านปนเปเข้ามา แต่กระนั้นก็ดี เราก็น่าจะศึกษาชาดกในด้านที่เป็นวัฒนธรรมชาวพุทธ แทนที่จะตั้งข้อกังขาในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

          เมื่อเดือนมิถุนายนพุทธศักราช 2529 ระหว่างที่เดินทางไปยุโรปและประเทศอังกฤษ อาตมภาพได้มีโอกาสพบปะ สนทนากับอาจารย์ทางปรัชญาในมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และเคมบริดจ์หลายท่านศาสตราจารย์ท่านหนึ่งได้ให้ข้อคิดว่า

          ท่านได้ทราบข่าวว่าขณะนี้พระภิกษุไทย และพุทธศาสนิกชนชาวไทยไม่สนใจชาดก เนื่องจากเพราะได้พบว่า บางเรื่องมีนิทานพื้นบ้านมาปะปนอยู่ด้วย เดี๋ยวนี้ใครพูดถึงชาดกทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องคร่ำครึงมงาย

          ดังนั้นท่านจึงขอฝากเตือนใจว่า คนที่คิดอย่างนี้นั้นแหละงมงายเพราะถ้าเราเรียนแต่ทฤษฎีล้วนๆ เราก็ได้แต่ท่องจำเป็นเพียงความรู้ดิบความรู้เกิดจากการจำนั้นไม่สามารถนำมาใช้งาน อย่าว่าแต่จะไปสอนลูกหลานเลย แม้แต่จะนำมาสอนตัวเองก็ไม่ได้ ความรู้ทางทฤษฎีเช่นนี้ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ ต้องลองแล้วลองอีก กว่าจะได้ความรู้สุกๆ ขึ้นมาก็ผ่านการลองชนิคผิดๆ ถูกๆ มาเสียมากต่อมาก แต่ถ้ามีเรื่องราวประกอบ ก็จะมองเห็นวิธีการนำทฤษฎีมาใช้เปลี่ยนจากนามธรรมเป็นรูปธรรม ได้ชัดเจนขึ้น

           ท่านศาสตราจารย์ได้ยกตัวอย่างถึงนิทานอีสป ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริงก็ยังเอามาสอนคนได้ ส่วนนิทานชาดกเป็นวัฒนธรรมชาวพุทธเป็นแบบแผนในการทำความดี เป็นเครื่องยืนยันการเวียนว่ายตายเกิด ชาวพุทธเองยังเมินไม่เอาใจใส่ใยดี เป็นการดูถูกคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และดูถูกตัวเอง

          ดังนั้นอาตมภาพจึงใคร่ขอให้เราลองพิจารณาความหมาย และคุณค่าของนิทานชาดก ซึ่งเป็นสมบัติทางปัญญาอันล้ำค่าของชาวพุทธให้ถี่ถ้วนและรอบคอบ

          นิทาน แปลว่า เหตุเป็นเครื่องมอบให้ซึ่งผล, มูลเค้า, เรื่องเดิมสมุฏฐาน

          ชาดก แปลว่าประวัติ การทำความดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีมาในชาติก่อนๆ

นิทานชาดก มิใช่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสอนคุณธรรมแต่นิทาน

 ชาดก คือ เรื่องในอดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงแสดงแก่พระภิกษุในโอกาสต่างๆ บางครั้งก็เพื่อแสดงภูมิหลังของผู้ที่ พระองค์ต้องการแสดงธรรมให้ฟัง บางครั้งก็เพื่ออธิบายเหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้น

เมื่ออ่านนิทานชาดก นอกจากจะได้ทราบเหตุการณ์ต่างๆ แล้วเรายังได้ทราบอุปนิสัยใจคอ ของบุคคลในแง่มุมที่เราอาจนึกไม่ถึงว่าจะมีหรือเป็นไปได้อีกด้วย ไม่เพียงแต่เท่านี้ เรายังทราบอีกว่า ทำไมเขาจึงเป็นเช่นนั้น และพระพุทธองค์ได้ทรงช่วยเหลือเขาอย่างไรบ้าง  

ในวัฏสงสารอันยาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วนนี้ พระพุทธองค์เมื่อครั้งดำรงพระชนม์เป็นพระโพธิสัตว์ ได้เวียนว่ายตายเกิดเป็นมนุษย์บ้าง พลาดพลั้งไปเป็นสัตว์เดียรัจฉานบ้าง แต่ก็ได้ประกอบคุณงามความดีมาทุกภพทุกชาติจนกระทั่งได้มาเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระชาติสุดท้าย

ผู้ที่อ่านหรือฟังนิทานชาดก จึงควรอ่านหรือฟังด้วยความพิจารณา และในที่สุด นำหลักธรรมที่ได้ไปใช้เป็นคุณประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น จึงจะถือว่าถูกต้อง ส่วนความสนุกสนานเพลิดเพลินนั้นให้ถือว่า เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น จึงจะนับว่าได้ประโยชน์จากนิทานชาดกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ให้แล้วอย่างแท้จริง

ดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า



ปญฺญายตฺถํ     วิปสฺสติ.

คนย่อมเห็นเนื้อความด้วยปัญญา.

ที่มา : อังคุตตรนิกาย  สัตตกนิบาต (องฺ. สตฺตก. 23/3)



พระเผด็จ ทตฺตชีโว


กราบขอบพระคุณที่มาของบทความ
คำปรารภพระธรรมเทศนา “นิทานชาดก อันดับที่ 5” โดย พระเผด็จ  ทตฺตชีโว
วันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2531

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

วันวิสาขบูชาโลก...ชาวพุทธควรปฏิบัติตัวอย่างไร




พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบรมครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
ทรงสั่งสอนชาวโลกจนกระทั่งวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
นำทางชาวโลกให้ไปสู่สวรรค์และพระนิพพานเป็นจำนวนมาก
ทรงมีพุทธประวัติที่งดงามหมดจด ชัดเจนและทรงเป็นบุคคลอัศจรรย์ 
ทรงประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานในวันเดียวกัน คือ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6
ด้วยเหตุนี้ องค์การสหประชาชาติจึงได้กำหนด
ให้วันวิสาขบูชา เป็นวัน "วันสำคัญสากลของสหประชาชาติ"

หรือวันสำคัญสากลของโลก



วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม ปีนี้ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
ซึ่งเป็นวันสำคัญมากวันหนึ่งทางพระพุทธศาสนา  คือ
วันวิสาขบูชา วันนี้มีความสำคัญ คือ
1) พระพุทธเจ้าทรงประสูติ เมื่อ 80 ปีก่อนพุทธศักราช


2) พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อริยสัจสี่ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อพระชนมายุได้ 35 พรรษา หลังจากเสด็จออกบรรพชาได้ 6 ปี  
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใน วันวิสาขบูชา คือ อริยสัจ 4  
ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการที่ ได้แก่

          - ทุกข์ คือ ปัญหาของชีวิต สภาวะที่ทนได้ยาก ซึ่งทุกข์ขั้นพื้นฐาน คือ การเกิด การแก่ และการตาย ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ ส่วนทุกข์จร คือ ทุกข์ที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก หรือความยากจน เป็นต้น

          - สมุทัย คือ ต้นเหตุของปัญหา หรือสาเหตุของการเกิดทุกข์ และสาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาเกิดจาก "ตัณหา" อันได้แก่ ความอยากได้ต่าง ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

          - นิโรธ คือ ความดับทุกข์ เป็นสภาพที่ความทุกข์หมดไป เพราะสามารถดับกิเลส ตัณหา อุปาทานออกไปได้

          - มรรค คือ หนทางที่นำไปสู่การดับทุกข์ เป็นการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา มี 8 ประการ ได้แก่ ความเห็นชอบ  ดำริชอบ วาจาชอบ กระทำชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งจิตมั่นชอบ (คลิก)


3) พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน (ละสังขาร) เมื่อพระชนมายุ 80 ปี
 ซึ่งนับเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่เหตุการณ์ทั้งสามนี้
เกิดขึ้นตรงกันในวันเพ็ญเดือน 6
พุทธศาสนิกชนทั่วโลกจึงพร้อมใจกันปฏิบัติธรรม

ถวายเป็นพุทธบูชา อาทิเช่น ตั้งใจรักษาศีล 5 หรือ ศีล 8
ตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้าหรือเพล บำเพ็ญสมาธิภาวนา


และเวียนประทักษิณ (เวียนเทียน) รอบพระเจดีย์
หรือรอบพระอุโบสถ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
หรือพระบรมสารีริกธาตุ การเวียนเทียนนับเป็นประเพณี
ที่ได้รับความนิยมมาก วัดต่าง ๆ ได้จัดให้มีการเวียนเทียน
ในวันวิสาขบูชาเป็นประจำทุกปี ในค่ำคื่นวันวิสาขบูชา
เพื่อเปิดโอกาสให้สาธุชนที่เลิกจากภารกิจการงานได้มีโอกาสร่วมบุญนี้
ดังนั้น จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมสืบสานประเพณี
การเวียนประทักษิณนี้ ด้วยการไปเวียนประทักษิณ ณ วัดใกล้บ้าน
หรือวัดที่ท่านคุ้นเคย หรือวัดที่ท่านศรัทธา ท่านจะเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยสืบ
อายุพระพุทธศาสนา และได้บุญกุศลเป็นเสบียงบุญติดตามท่านไป
นอกจากนี้ ถ้าท่านมีจิตกุศลจะปฏิบัติบูชาอย่างอื่นๆ เพิ่มอีก
ท่านย่อมได้บุญกุศลมากขึ้นตามกำลังแห่งการปฏิบัติดี
ปฏิบัติชอบของท่าน ดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า

 สุโข  ปุญญสฺส  อุจฺจโย.
ความสั่งสมขึ้นซึ่งบุญ  นำสุขมาให้.

ที่มา  : ขุททกนิกาย  ธรรมบท(ขุ. ธ. 25/30)

พิธีอุปสมบทอุทิศชีวิต


ท้ายที่สุดนี้เรียนเชิญผู้มีบุญทุกท่านได้ให้โอกาสตนเองแสดงความกตัญญู เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา  รักและปรารถนาดีกับใครชวนกันมาร่วมสั่งสมบุญสร้างบารมีกันนะคะ




วัดพระธรรมกายขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมพิธี ตามกำหนดการด้านล่างนี้


กำหนดการวันวิสาขบูชา


 ขอกราบอนุโมทนาบุญ มา ณ โอกาสนี้ สาธุๆๆค่ะ

ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของชาวพุทธที่ดี
บุญไม่มีขาย...อยากได้ต้องทำเอง
การสั่งสมบุญนำสุขมาให้
ทำที่ท่านได้ที่เรา


ขอขอบคุณ
นักเขียนอิสระ : Tum
                       : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
https://www.dmc.tv/pages/buddha_biography/Lord-Buddha-History-36.html
https://hilight.kapook.com/view/23220
https://www.dmc.tv/pages/buddha_biography/Lord-Buddha-History-36.html




วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทุกข์...ของมนุษย์มีอะไรบ้าง ?


การเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นของยากเมื่อเกิดมาแล้ว ความทุกข์ประจำตัวของมนุษย์ก็ติดมาบนโลกใบนี้นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเราได้เกิดมาเจอคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงละความยึดมั่นถือมั่นความทุกข์นั้นจึงเบาบางลง 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักในความทุกข์ที่บังเกิดขึ้นมาพร้อมกับเราบนโลกใบนี้กันเลยมีอะไรบ้างมาศึกษากันเลย 







 ทุกข์ที่กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์


ทุกข์ที่ต้องเกิดมา

ทันทีที่เราอยู่ในครรภ์ ผู้เป็นแม่ก็ต้องลำบากในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น เมื่อถึงคราวต้องครรภ์แม่ก็ต้องเจ็บปวดทรมานปางตาย ส่วนตัวเรานั้น กว่าจะออกมาได้ก็ถูกบีบ ถูกรัด ถูกดึงให้เจ็บปวดแทบขาดใจจนกว่าจะผ่านช่องคลอดของมารดาออกมาได้ 



เมื่อเกิดมาก็ต้องเจอร้อน เจอหนาว เจอความทุกข์ เจอความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก เจอสิ่งที่ชอบ เจอสิ่งที่ไม่ชอบ เกิดมาก็ต้องดื่ม ต้องกิน ต้องขับถ่าย ไม่งั้นชีวิตเราอยู่ไม่นาน นี่ก็ถือว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง




 ทุกข์ที่ต้องแก่


เมื่อเกิดมาแล้ว คนเราก็ยังต้องประสบกับทุกข์ประจำกาย คือ ต้องชรา ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยและผจญกับความตาย นอกจากนี้เรายังต้องเจอกับความโศกเศร้า เสียใจ ความรำพัน ความไม่สบายกาย ที่เวียนเข้ามาในไม่เคยว่างเว้น แถมร่างกายของเรา ยังลดน้อยถอยลงตลอดเวลา ไม่มีผู้ใดสามารถหลีกเลี่ยงได้เลย


 ทุกข์ที่ต้องตาย

ไม่มีใครปรารถนาที่จะตายกัน ทุกคนล้วนปรารถนาจะมีอายุยืน เป็นอมตนิรันดร แต่เมื่อถึงคราวแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเลี่ยงหลีกไปได้ ความตายเป็นของสากลและเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ ต่างแค่ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง


เราได้รู้ถึงเหตุแห่งความทุกข์ประจำที่มาพร้อมกับการที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์  ดังพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า


สงฺขารา  ปรมา  ทุกฺขา.
สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง.


ที่มา : ขุททกนิกาย ธรรมบท (ขุ. ธ. 25/42)


ที่ว่าสังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่งนั้นว่าด้วยสภาพอันเป็นปัจจัยปรุงแต่ง สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ได้แก่ สังขารคือรูปกายที่เกิดขึ้นแล้วทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามวัยและเวลา ท้ายสุดก็สลายไป เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาอันชอบ ย่อมเห็นว่าเป็นทุกข์ เมื่อมีสังขารก็ต้องมีทุกข์ทั้งทุกข์ประจำและทุกข์จร เพราะฉะนั้นจงดับสังขารเสีย โดยใช้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาให้เห็นให้รู้แจ้งว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จนเบือหน่ายคลายอุปาทานเสียได้ ก็จะไม่เป็นทุกข์ มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไม่ยึดมั่นถือมั่น



เมื่อเราคลายอุปทานไม่ยึดมั่นถือมั่นได้แล้วความทุกข์ก็
สามารถคลายลงได้ เราก็ควรที่จะกำจัดทุกข์ให้หมดสิ้นไป แต่กว่าที่เราจะกำจัดทุกข์ให้หมดสิ้นไปได้มันก็ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนทำไม่ได้ อยู่ที่เราตั้งใจวันนึงเราต้องกำจัดทุกข์ให้หมดไปจากใจของเราได้แน่นอน แต่สิ่งสำคัญที่เกื้อหนุนให้เรากำจัดทุกข์เราหมดสิ้นไปอย่างสบายๆได้นั้น เราต้องมีเสบียงเป็นเครื่องหนุน ทำให้เราสะดวกที่จะกำจัดความทุกข์ให้หมดไปได้ในที่สุด



สิ่งนั้นก็คือเราควรสั่งสมเสบียงบุญ เพื่อเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เรากำจัดทุกข์ออกไปจากใจ ด้วยการหมั่นบำเพ็ญบุญทำทานละความตระหนี่ รักษาศีลเพื่อยังตนให้บริสุทธิ์และบำเพ็ญภาวนาเพื่อยังจิตให้ผ่องใสเป็นนิตย์ เมื่อเราบำเพ็ญบุญให้เป็นนิตย์เราจะเป็นผู้อุดมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติและคุณสมบัติ จิตจะร่าเริงแจ่มใสมีท่าหยั่งลงมหาสมุทรคือพระนิพพานนั่นเอง



ชีวิตเป็นของน้อยจงดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิด แล้วเราจะกำจัดทุกข์ให้หมดไปในที่สุด ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุค่ะ


ท้ายสุดนี้วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 เป็นวันวิสาขบูชา วันพระขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันประสูติตรัสรู้และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราชาวพุทธควรพาครอบครัวบุคคลอันเป็นที่รักเข้าวัดบำเพ็ญบุญ ทำทาน รักษาศีลเจริญสมาธิภาวนา
เรียนเชิญร่วมพิธีตักบาตรหน้าบ้านแก้วเรือนทองคุณยาย สภาฯ วัดพระธรรมกาย 
ร่วมพิธีอุปสมบทตลอดชีวิตสามเณรเปรียญธรรม14 รูป ณ โบสถ์พระไตรปิฎก วัดพระธรรมกาย


และร่วมพิธีฉลองชัยชิตังเมสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรให้ได้ 1,280 ล้านจบ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา บุญรีบทำอย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นช้าเดี๋ยวจะสายเกินกาลเพราะ วันพรุ่งนี้กับชาติหน้าไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะมาก่อนกัน ขอกราบอนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ สาธุค่ะ


บุญ...คือเพื่อนแท้ในปรโลก
การสั่งสมบุญนำสุขมาให้
บุญ...ใครทำใครได้สำคัญไม่มีใครทำแทนกันได้  
ถ้าอยากได้ต้องทำเอง



ขอขอบคุณที่มาของบทความ 
นักเขียนอิสระ : ทำให้ดีที่สุด



วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

รักตนเองให้เป็น...ทำอย่างไร ?




           มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนรักตนเองด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ชื่อว่ารักตนเองเป็น เห็นมีแต่ใช้ชีวิตแบบถล่มทะลาย เวลาได้ล่วงเลยมาเรี่ยวแรงก็ถดถอยหายไป สังขารก็เสื่อมก่อนกาลเวลาที่ควรจะเป็น
          วันนี้มีข้อมูลดีๆมาฝากทุกท่านให้ได้ศึกษาว่า การรักชีวิตของตนเองให้เป็นในแต่ละวันเราควรปฏิบัติตัวอย่างไร ที่ทำให้การดำเนินชีวิตของเรามีความสุขมากๆ ไม่ทำให้สังขารเสื่อมก่อนเวลาที่ควรจะเป็นอย่างไรเรามาศึกษากันเลย

          1. ทำตัวเหมือนหมากรุก
          คือจะลุก จะยืน จะเดิน จะนั่งคิดดีๆ เดินช้าๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆเดิน อย่าพรวดพราด ล้มลุกคลุกคลานขึ้นมา ไม่ได้ล้มแค่เราคนเดียว มันล้มทั้งกระดาน เสียกระบวนไปทั้งบ้าน


          2. กินอยู่เหมือนพวกตีนแมว
          คือกินเหมือนย่องเบาอ่ะครับ กินช้าๆ ค่อยๆกิน กินทีละน้อยๆ กินเบาๆ กินบ่อยได้ แต่อย่ากินเยอะ อย่ากินมูมมามเหมือนนักการเมืองบางคน กินแบบตะกละมูมมาม พาลสำลัก สำรอก ไอโขลกขลาก ขึ้นปากขึ้นจมูกไปโน่นเลย


          3. นอนเหมือนเมาเห็ด
            อายุมากแล้วต้องนอนให้พอ หลับให้สนิท อย่าคิดมากจนนอนไม่หลับ รู้สึกง่วงก็ให้นอน โดยเฉพาะกลางคืนนอนอย่าให้เกินสี่ทุ่ม กลางวันถ้ารู้สึกง่วง ให้หาเวลาหลับสักสิบห้านาที หรือครึ่งชั่วโมง จะสดชื่นขึ้นเยอะ


          4. ออกกำลังกายให้เหมือนติดฝิ่น
          คือออกกำลังกายจนเสพติด เหมือนติดฝิ่น วันไหนไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้เอาเหงื่อออก จะรู้สึกหงุดหงิด ครั่นเนื้อครั่นตัว อะไรทำนองนั้นเลย แล้วเราจะเป็นคนสูงอายุที่สุขภาพเราจะแข็งแรง

          5. บินออกจากรังให้เหมือนนก
          นกที่นอนอยู่กับรังเป็นนกที่กำลังกกไข่ เราอายุปูนนี้แล้วจะเอาไข่ที่ไหนมากก ไอ้ไข่ที่มีก็ไม่มีโอกาสฟักเป็นตัวแล้ว รีบบินออกจากรังเหมือนนก เมื่อยังบินไหว อย่านั่งจับเจ่าอยู่กับบ้านทั้งวันทั้งคืน ทั้งที่ยังบินได้ จนกลายเป็นคนติดเก้าอี้ ติดเตียงไป
จะบินไปใกล้ ไปไกล ขอให้บินออกไปบ้าง ยิ่งไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศได้ยิ่งดีเลย คนที่ได้ไปเที่ยวไกลๆจะเป็นคนสดชื่นไม่เหี่ยวเฉาเหงาตายเหมือนพวกติดเตียง ไม่นานก็กลับบ้านเก่า

          6. ให้อารมณ์เหมือนกิ่งไม้ไหว
          ไหวพริ้วไปตามลมบ้าง นิ่งบ้าง เงียบบ้าง บางครั้งสูญเสีย ไม่ได้ดั่งใจบ้าง ก็ให้เข้าใจได้ว่า มันเป็นกฏของธรรมชาติ ที่ย่อมเกิด ตั้งอยู่ และดับไปนั่นเอง เหมือนเวลากิ่งไม้หัก ไม่เห็นมันร้องไห้ฟูมฟาย เสียอกเสียใจ แต่มันจะรีบงอกกิ่งใหม่เพื่อฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาทดแทนให้เร็วที่สุด เราเองก็เช่นกัน เมื่อถึงเวลาสูญเสียสิ่งใด ก็ต้องเข้าใจมันให้เร็วที่สุด เอาธรรมะที่เป็นธรรมชาติมาทดแทนความไม่เข้าใจเมื่อครั้งในอดีต แล้วชีวิตในบั้นปลายก็จะมีความสุข ด้วยความเข้าใจธรรมะ ที่เป็นธรรมชาติ ของความเป็นธรรมดานั่นเอง

          เมื่อเราได้หลักในการดำเนินชีวิตที่ดีและรู้ว่าเราควรปฏิบัติตัวเช่นไร ทำให้เรามีความสุขอยู่บนโลกใบนี้แบบมีสุขภาพแข็งแรงจัดว่าเป็นลาภดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า

อาโรคฺยปรมา ลาภา.
ความไม่มีโรค  เป็นลาภอย่างยิ่ง.

ที่มา : ขุททกนิกาย ธรรมบท (ขุ. ธ. 25/42)

          กายและใจเราควรดูแลให้แข็งแรงควบคู่กันไปถึงจะเรียกว่าเรารักตนเองเป็น เมื่อเรามีหลักในการดูแลรักษาสุขภาพกายให้แข็งแรงแล้ว เราก็ควรมีหลักในการดูแลรักษาใจของเราให้เข้มแข็งด้วยการมีธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักไว้ในใจของเรา ด้วยการหมั่นเข้าวัดไปฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อนำหลักธรรมมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและดีงามเพื่อความปลอดภัยในสังสารวัฏ  


คนเราเกิดมาตัวเปล่าไปก็ตัวเปล่าสิ่งที่จะนำติดตัวไปได้มีแต่บุญและบาปเท่านั้น



          ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทเข้าวัดบำเพ็ญบุญ ทำทาน รักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิตย์  เมื่อถึงคราละโลกจะได้มีสุคติเป็นที่ไปนะคะ



การดูแลทั้งสุขภาพกายให้แข็งแรงทำให้ดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความสุขไม่ทรมานสังขาร  และพร้อมดูแลสุขภาพใจให้เข้มแข็งยึดมั่นในคุณธรรมประกอบแต่คุณงามความดีหมั่นสั่งสมบุญกุศลเป็นนิจ  กระทำสองสิ่งนี้เรียกว่าเรารักตนเองเป็น  




วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 
ตรงกับวันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 
วัดพระธรรมกายได้จัดให้มีพิธีสวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ให้ได้ 1,400,000,000 จบ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา บุญใหญ่รอทุกท่านอยู่


เรียนเชิญทุกท่านที่ได้ทราบข่าวบุญนี้ได้มีโอกาสมาร่วมพิธี 
ร่วมกันอุทิศบุญให้กับหมู่ญาติที่ละโลกไปแล้ว 
#บุญคือเพื่อนแท้ในปรโลก

ดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า...

ปุญฺญานิ  ปรโลกสฺมึ  ปติฏฺฐา  โหนฺติ  ปาณินํ.

บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า.

ที่มา : สังยุตตนิกาย สคาถวรรค (สํ. ส. 15/26)


ขอกราบอนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ สาธุค่ะ


ขอบพระคุณแหล่งที่มา : ดร.พนม ปีย์เจริญ และ https://www.naewkhid.com/
ภาพประกอบจาก  :www.jaipun.com
Cr.ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ประโยชน์ที่ได้รับ...จากการทำสมาธิ

    สมาธิก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง บางคนหากไม่ได้สังเกตก็อาจไม่ทันรู้ตัวว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นเป็นผลมาจากสติปั...