ถาม
เวลาไปบอกบุญ
ทำไมวัดนี้ชอบกำหนดว่าจะต้องทำบุญเท่านั้นเท่านี้ครับ
หลวงพ่อตอบ
การมีเป้าหมาย จะทำให้มีกำลังใจ
มีแรงฮึดที่จะก้าวไปสู่ตรงนั้นได้อย่างเต็มที่ ถ้าไม่มีเป้า เราก็ทำไปตามกำลัง
ไม่ได้เต็มกำลัง ก็แค่นั้นเอง
ที่ให้เขาตั้งเป้าเอาไว้ จะได้มีเป้าในใจว่า
เราถึงเป้าที่เราตั้งไว้หรือยัง สมมติว่า เป้าจะเป็นประธานรอง เราทำคนเดียวไหวไหม
ถ้าไม่ใหวเราก็ไปชวนเขามาทำ ทำตอนนี้ได้แค่นี้ ยังไม่พอ ก็ไปตามคนมาอีก
มาเติมให้ถึงเป้า จะได้มีกำลังใจทำ ทุ่มกันอย่างเต็มกำลัง ถ้าไม่มีเป้า
เราก็จะทำกันเรื่อย ๆ
และที่สำคัญ เราทำเพื่อใคร ก็เพื่อตัวเราเอง
ถ้าเราเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม หว่านพืชอย่างไรได้ผลอย่างนั้น เราทำอย่างไร
เราได้อย่างนั้น
การตั้งเป้าไว้สูง ๆ
จะทำให้เรามีกำลังใจสูงส่ง
คนที่มาวัดนี้เยอะทั้งเศรษฐีและไม่ใช่เศรษฐี เศรษฐีเงินล้าน
พอจะชวนทำบุญ บางทีร้อย ห้าร้อย เขารู้สึกว่าเยอะแล้ว แล้วเขาก็คุ้นอยู่อย่างนั้น หลวงพ่อเลยมาปฏิวัติใหม่หมด
แนะนำเขาไปว่าทีเอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่เกิดประโยชน์ ยังไปทำตั้งเยอะ ทำทีเป็นหมื่นเป็นแสน
หลายแสนมากกว่าทำบุญอีก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำทำไมไม่ทำเป็นบุญ จะได้เป็นสมบัติติดตัวเขาไปเบื้องหน้าเยอะ
ๆ
เพราะฉะนั้น ถึงต้องตั้งเป้าไว้ แล้วก็ฝึกเขาไปเรื่อย
ๆ จนระทั่งเขาคุ้น เดี๋ยวนี้ใจขยายใหญ่แล้ว จากทีละร้อย เป็นที่ละหมื่นบ้าง แสนบ้าง
เป็นล้าน เดี๋ยวนี้หลาย ๆ ล้านเพราะหลวงพ่อตั้งเป้าว่า “ ชาติหนึ่งเกิดมาทั้งที
ต้องทำบุญให้ได้พันล้าน” ใจจะได้ใหญ่ให้เขาแค่คิด
คิดฟรี ไม่ได้เสียเงิน ยังไม่ค่อยกล้าคิดกันเลย
หลวงพ่อจะสอนให้เขากล้าคิด ใจจะได้ใหญ่แบบมหาบุรุษเหมือนใจของพระบรมโพธิสัตว์
ใจต้องใหญ่ ๆ อย่างนั้นไม่งั้นทำนิด ๆ หน่อย ๆ อย่างนี้สู้ความตระหนี่ไม่ไหวเวลาเรามาเกิดอีกที
ก็เอาสมบัติมาใช้ไม่ได้ ก็ต้องอดอยากยากจน ลำบาก พอเขาใจใหญ่ทำเยอะ บุญเขาได้เยอะ เวลาผลบุญบังเกิดขึ้น
เขาก็ได้มาก ยิ่งทำให้ภพชาติต่อไปสร้างบารมีสะดวกสบายหนักยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้นต้องตั้งเป้าทำพันล้านให้ได้ ทำไปเรื่อย
ๆ เดี๋ยวนี้เขา ค่อย ๆ คุ้นกันแล้ว เพราะหลวงพ่อบอกเรื่องนี้มาตั้งหลายปีแล้ว มันต้องกล้าคิด
กล้าพูดในสิ่งที่เราคิดไว้ แล้วก็กล้าทำ ตั้งเป้าสูง ๆไว้พันล้าน ไปไม่ถึงมันก็ลงมาตรงกลาง
ถ้าตั้งเป้าต่ำ ๆ ถ้าไปไม่ถึงร่วงเลยนะ ตั้งเป้าไว้สูง ๆ นั้นแหละดี
ดูอย่างพระบรมโพธิสัตว์ เวลาท่านสร้างบารมีมาตั้งหลายภพหลายชาติ
ท่านยกสมบัติให้หมดประเทศเลยนะ ยกให้แบบทุ่มสุดตัวเลย ที่เราทำถ้าจะเทียบกับท่าน ยังแค่กระจุ๋มกระจิ๋ม
หรืออย่างท่านโชติกเศรษฐี
มีใครทำแบบท่านโชติกเศรษฐีบ้าง กล้าเอารัตนชาติมากองไว้ แล้วประกาศไปทั้งเมืองว่าใครมาฟังธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถ้าเป็นเศรษฐีก็หยิบไป 1 กำมือ ถ้ามีทรัพย์น้อยก็เอาไป
2 กำมือ
นั่นแสดงว่า ดวงปัญญาเขาสว่าง เขามุ่งไปเอาอริยทรัพย์
มุ่งไปเอาทรัพย์ที่ยิ่งกว่านี้เข้าไปอีก รู้จักวิธีเปลี่ยนทรัพย์หยาบให้เป็นทรัพย์ละเอียด
ที่จะนำติดตัวไปได้เป็นคนใจใหญ่
ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติภพก่อน ๆ
ก็มีมาแล้ว ปัจจุบันจุดเชื่อมรอยต่อของความรู้นี้มันสูญหายไปในท่ามกลางว่า ครั้งหนึ่งในอดีตผู้มีบุญ
มีปัญญาเขาสร้างบารมีแบบนั้น ที่นี้ความรู้อย่างนี้มาเชื่อมต่อได้เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ธรรมระลึกชาติหนหลังเห็นอย่างนี้ เห็นตัวท่านเองก่อนว่า ท่านก็เคยทำมาแล้ว แล้วก็เห็นคนอื่นบางคนที่เคยทำ
ท่านจึงนำความรู้นี้มาเปิดเผย เป็นการเชื่อมรอยต่อของบัณฑิตนักปราชญ์ให้รู้จักวิธีสร้างทานบารมี
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องเก่าที่พระพุทธเจ้าท่านทำกันมาก่อน ท่านยกสมบัติให้กันทั้งเมืองเลย เขาให้กันขนาดนั้น
ของเราแค่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้นเอง
ดังนั้น ต้องให้กำลังใจกับสาธุชนทั้งหลาย
ต้องรู้จักสร้างบารมีให้เป็น ทรัพของเราแค่เป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมีเท่านั้น เหมือนแค่เป็นซากุไร เป็นอุปกรณ์เอาไว้ทำงานแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่าไปติดยึดมั่น
ต้องเปลี่ยนทรัพย์หยาบให้เป็นทรัพย์ละเอียดติดไปทุกภพทุกชาติกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
วิธีเปลี่ยนก็ต้องอย่างนี้
บางคนอยากเอาทรัพย์ติดตัวไปในภพเบื้องหน้านะ
แต่ดวงปัญญาไม่เท่ากัน บางคนใช้วิธีเผาเอา ไปซื้อแบงก์มาเผากันเป็นปี๊บ อยากเอารถติดไปในภพเบื้องหน้า
เอารถไปเผา อยากได้บ้านก็เอาบ้านไปเผา มันก็ได้แต่ขี้เถ้า ไม่รู้จักวิธีเปลี่ยนจากของกายมนุษย์หยาบไปสู่กายมนุษย์ละเอียดไปสู่กายทิพย์
ซึ่งมันมีวิธีการ พระพุทธเจ้าท่านรู้ท่านเห็นวิธีการนี้
คือ ต้องไปทำบุญกับผู้มีศีลมีธรรม กระแสใจอันบริสุทธิ์ของท่านจะได้ประสานกับกระแสใจของเราที่พ้นจากความตระหนี่
พอดึงดูดเข้าหากันกระแสบุญก็เกิดขึ้นติดไปในภพเบื้องหน้า และไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์ในภายหลังได้
วิธีการเปลี่ยนทรัพย์ต้องทำอย่างนี้
แล้วสิ่งที่ทำได้ยากมันแปลกนะ มันมีฤทธิ์ เมื่อทำเสร็จแล้วเกิดความปีติภาคภูมิใจ
ในสิ่งที่ทำได้ยาก นึกทีไร ปลื้มทุกที
หลวงพ่อปลื้มอยู่บุญหนึ่ง ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษา
คุณยายบอกว่า ใครซื้อตะปูสักตัวไม้สักแผ่น อิฐสักก้อน มาสร้างบ้านธรรมประสิทธิ์ให้เป็นที่ประพฤติปฏิบัติธรรมจะได้บุญอย่างมหาศาล
เพราะว่าเป็นสถานที่รองรับผู้บริสุทธิ์ เป็นประดุจรัตนบัลลังก์ของพระพุทธเจ้า จะช่วยให้เราตรัสรู้ธรรมต่อไปในอนาคตได้อย่างสะดวกสบาย
ง่ายดายและจะมีสมบัติติดไปในภพเบื้องหน้า ให้สร้างบารมีสะดวก
หลวงพ่อได้ยินแล้ว อยากได้บุญ อดอาหารกลางวันเป็นเดือนเลยนะ
รวมเงินได้เท่าไรไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว แต่ว่าเป็นเงินมากสำหรับหลวงพ่อในตอนนั้น แล้วนำเงินไปทำบุญนึกที่ไรปลื้มทุกทีเลยว่า
เราสามารถทำได้
กับอีกบุญที่นึกแล้วปลื้ม กลับมานึกย้อนหลัง
อัศจรรย์ใจเราทำได้อย่างไร ตอนนั้นจะมาเรียนธรรมะกับคุณยาย ออกจากบ้านที่เพชรบุรี ตอนตีสี่
ไม่มีเงินติดกระเป๋าเลยสักสลึง กราบลาพ่อที่หน้าประตู เพราะพ่อนอนอยู่ข้างใน หลวงพ่อนอนนอกชาน
คิดในใจว่า ขอลาล่ะ จะมาเรียนธรรมะ ไม่กล้าไปลาท่าน กลัวท่านไม่ให้มา เพราะท่านไม่ชอบ
เตรียมเสื้อผ้า ๒ ชุด ใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วไม่มีความกังวลอะไรทั้งสิ้น ใจคิดอย่างเดียวว่า
จะมาเรียนธรรมะกับคุณยายให้ได้ แล้วก็หอบกระเป๋ามาขึ้นรถ
นึกในใจว่า ถ้ากระเป๋ารถมาเก็บเงิน เราก็จะบอกว่า
ไม่มีตังค์ แต่คราวหน้าจะเอามาใช้ให้ ถ้าไล่เราลง เราก็จะเดินไป ระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตรจากเพชรบุรีถึงวัดปากน้ำแล้วก็ใจเบิกบานสบาย
ไม่ได้กังวลอะไรเลย ก็เดินมาขึ้นรถ
แต่บุญบันดาลนะ พอขึ้นไปก็ไปเจอเพื่อนรักกัน
เขาเรียนธรรมศาสตร์ ก็ไม่คิดว่าจะเดินทางเวลาเดียวกัน ไปเจอกันก็คุยกันไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้บอกอะไร
พอรถเลยตัวเมืองไปสัก 4-5 กิโลเมตร กระเป๋ารถเดินมาแล้ว
หลวงพ่อกระซิบกับเพื่อน“ ไม่มีเงินหรอก” มันก็ส่งเสียงดังบอก “ ไม่เชื่อ”
หลวงพ่อก็ย้ำบอกว่า "ไม่มีจริง ๆ” ถ้าเขามาเก็บ ก็จะบอกไปอย่างที่เล่าให้ฟัง มันเลยควักเงินเปิดกระเป๋ามีอยู่
300 บาทแบ่งให้หลวงพ่อ 150
คิดดูก็แล้วกันว่า แค่ตั้งใจจะมาเรียนธรรมะได้สมบัติครึ่งหนึ่งแล้ว
แล้วเพื่อนก็ถามต่ออีก “
แล้วจะไปอยู่ที่ไหน” “ ไม่มี" “เอ้า” ไม่มีที่อยู่ งั้นไปอยู่ด้วยกันก็แล้วกัน”
เห็นไหมได้เงินด้วย ได้ที่อยู่ด้วย ที่อยู่เขาเป็นตึกแถว ชั้นล่างเป็นที่เก็บกระสอบน้ำตาลแมลงสาบเต็มเลย
ก็นอนกันชั้นบน ตอนเช้าเพื่อนไปธรรมศาสตร์ส่วนหลวงพ่อเข้าวัดไปเรียนธรรมะกับยาย
ไปวัดแทบไม่ได้ใช้เงินเลย เพราะว่าพอไปถึงวัด
คุณยายท่านตักข้าวมาให้หนึ่งจาน ก็รับมาหนึ่งจาน คิดแค่ว่าทานให้มันหนัก ๆ ท้องไว้
แล้วก็นั่งหลับตาลุยเลย พอแขกมาหายายก็เดินหนีไปนอนที่วิหารคด นั่ง ๆ นอน ๆ ไป
ดูพระบ้าง อะไรบ้าง แล้วก็ย่อง ๆ มาดูยาย พอแขกหมด เราก็ขึ้นมานั่งธรรมะต่อ
มีเสาหัวด้วนอยู่ต้นหนึ่งกลางบ้าน
ยอดมันไม่ถึงเพดาน หลวงพ่อนั่งจนเสามันแผล็บเลย พอถึงเวลานั่งก็ไม่คุยเรื่องอื่นถามแต่เรื่องธรรมะ
ไม่ได้ถามอะไรยายเลย แล้วยายก็ไม่ได้บอกอะไร ท่านบอก “ คุณนั่งไป ๆ เดี๋ยวก็รู้ ”
ก็จริงนะ คือ บางทีก็ไม่รู้จะบอกอย่างไร มันต้องลองนั่งเสียก่อน เหมือนซื้อก๋วยเตี๋ยวมาจะบอกว่า
อร่อยอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ บอกคุณลองกินดูสิ กินเข้าไปก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง
เพราะฉะนั้น หลวงพ่อนึกถึงเรื่องนี้ทีไรปลื้มทุกทีเลยนะว่าเราทำมาได้อย่างไร
ออกจากบ้าน มาเรียนธรรมะ ไม่มีเงินเลยแม้แต่สลึง คำว่า ไม่มี หมายความว่า ควักกระเป๋าออกมาไม่มีเงินเลย
พร้อมกับไม่มีความกังวล แล้วก็ไม่ได้คิดเรื่องอะไร คิดแต่จะไปเรียนธรรมะอย่างเดียว
รู้สึกมีความสุขดี สบาย ๆ มาเรียนด้วยความยากลำบากไม่เหมือนรุ่นหลัง ๆ เขาเรียนกันง่ายจังเลย
หลวงพ่อเรียนยากต้องขวนขวายหาความรู้อยากจะรู้ให้มันหายสงสัย ไม่หายสงสัยมันทนไม่ค่อยได้
17
มีนาคมพ. ศ. 2539
ชีวิตเป็นของน้อยหายใจเข้าไม่หายใจออกก็หมดสิทธิ์ที่จะอยู่บนโลกใบนี้ จงดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท เข้าวัดบำเพ็ญบุญ ทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ เมื่อถึงคราละโลกจะได้มีสุคติเป็นที่ไป และสำคัญสิ่งที่จะนำติดตัวเราไปได้มีแต่บุญและบาปเท่านั้น สมดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ อธิคฺคณฺหาติ ปณฺฑิโต
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง
ที่มา : สังยุตตนิกาย สคาถวรรค (สํ. ส. 15/126)
กราบขอบพระคุณที่มาที่ทำให้บลอคสมบูรณ์ :
อ่านแล้วเข้าใจว่าทำไมต้องกำหนดว่าต้องทำบุญเท่านั้นเท่านี้ ทำให้เรารู้หลักวิชชาที่ถูกต้องทำให้เราทำบุญอย่างมีความสุขและปลื้มทุกครั้งที่ได้นึกถึงบุญ กราบ กราบ กราบ ในพระคุณที่หลวงพ่อเมตตาให้คำชี้แนะในสิ่งที่ถูกต้องทำให้ลูกเข้าใจในเรื่องของการทำบุญสร้างบารมีขึ้น #บุญเราทำเราได้ #บุญไม่มีใครทำแทนเราได้ ทำมากได้มาก กำลังน้อยเราก็ไปชวนกันมาทำ พอผลสำเร็จออกมาเราคนแรกที่ปลื้มๆ อย่าลืมชักชวนคนที่เรารักให้ได้ทำบุญกันนะคะ เพราะเป็นการช่วยกันรักษาสมบัติของเขาให้ได้ติดเป็นอริยทรัพย์ข้ามภพชาติ สาธุค่ะ
ตอบลบน้อมกราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุครับ
ตอบลบ