กบน้อยผู้มีจิตเลื่อมใส
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกาย อปทาน
ความว่า
เอวํ อจินฺติยา พุทฺธา
พุทฺธธมฺมา อจินฺติยา
อจินฺติเยสุ ปสนฺนานํ
วิปาโก โหตฺยจินฺติโย.
พระพุทธเจ้าเป็นอจินไตย
พระธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นอจินไตย วิบากของบุคคลผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าและพระธรรมของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นอจินไตย
ก็เป็นอจินไตย.
(ขุททกนิกาย
อปทาน)
ก่อนอื่นจะได้อธิบายความหมายของคำว่า อจินไตย ก่อนเพราะบางท่านก็ยังไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนหรือบางท่านเคยได้ยินมาแล้วก็ถือว่าทบทวนก็แล้วกัน
คำว่า อจินไตย แปลว่า
สิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึง
สิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญชนของปุถุชนคนทั่วไปได้ มีอยู่ 4 อย่าง คือ
1.พุทธวิสัย วิสัยแห่งความอัศจรรย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
2.ฌานวิสัย วิสัยแห่งฤทธิ์ต่างๆของผู้มีฌาน
ทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
3.กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม
คือการตามให้ผลของกรรมดีและกรรมชั่ว
4.โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก
สวรรค์ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ชีวิตในสังสารวัฏ
ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องเหล่านี้เพราะจะเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้าได้
เพราะเป็นเรื่องที่จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อบรรลุธรรมขั้นสูงๆขึ้นไปเท่านั้น
ดังเช่นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน ดังเรื่องมัณฑุกเทวบุตรผู้มีจิตเลื่อมใสในพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอดีตชาติท่านเกิดเป็นกบอยู่ที่ริมสระน้ำแห่งหนึ่ง
ที่อาตมาจะได้เล่าเรื่องมัณฑูกเทวบุตรพอเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ดังต่อไปนี้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ริมฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคครา นครจัมปาเวลาใกล้รุ่งเช้าของวันใหม่
พระองค์ทรงเข้ามหากรุณาสมาบัติอันเป็นพุทธาจิณวัตร ทรงออกจากสมาบัตินั้นแล้ว
ทรงตรวจดูเหล่าสัตว์ที่พอจะแนะนำสอนให้บรรลุธรรมได้ ทรงเห็นว่า เวลาเย็นของวันนี้
เมื่อเรากำลังแสดงธรรม
กบตัวหนึ่งถือนิมิตในเสียงของเราแล้วก็จะตายด้วยความพยายามของผู้อื่นแล้วบังเกิดในเทวโลก
คนเป็นจำนวนมากจักได้เข้าถึงธรรมในที่นั้นเหมือนกัน ครั้นทรงเห็นแล้ว
ในเวลาเช้า ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในจัมปานครพร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่
ทรงทำให้ภิกษุทั้งหลายหาบิณฑบาตได้ง่าย เสวยภัตกิจเสร็จแล้วเสด็จเข้าพระวิหาร
เมื่อภิกษุทั้งหลายทำวัตรปฏิบัติเสร็จแล้วไปที่พักกลางวันของตนๆ
ก็เสด็จเข้าพระคันธกุฎี ทรงใช้เวลาครึ่งวันให้หมดไปด้วยสุขในผลสมาบัติ
ในเวลาเย็นเมื่อบริษัททั้ง 4 ประชุมกันเพื่อฟังธรรม พระองค์ก็ทรงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี
เสด็จเข้ามณฑปศาลาประชุมธรรม ริมฝั่งสระโบกขรณี ด้วยพระปาฏิหาริย์
ประทับนั่งเหนือพระบวรพุทธอาสน์ที่ประดับไว้ ทรงเปล่งพระสุรเสียงเพียงดังเสียงพรหม
ราวกะว่าพญาไกรสรสีหราชมิหวาดหวั่น บันลือสีหนาทเหนือพื้นมโนศิลาฉะนั้น
ทรงเริ่มแสดงธรรมด้วยพระพุทธสีลาอันหาอุปมามิได้ ด้วยพระพุทธานุภาพอันเป็นอจินไตย
ในขณะนั้น กบตัวหนึ่งมาจากสระโบกขรณี
จึงนอนถือนิมิตในพระสุรเสียงด้วยธรรมสัญญาว่านี้ เรียกว่าธรรม อยู่ท้ายบริษัท
ขณะนั้น คนเลี้ยงลูกโคคนหนึ่งมาถึงที่นั้น
เห็นพระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ และบริษัทกำลังฟังธรรมอย่างสงบเงียบ
คนเลี้ยงโคก็ได้ยืนฟังธรรมส่งใจไปตามเสียงในเรื่องนั้น ยืนถือไม้ [สำหรับต้อนโค]
ไม่ทันเห็นกบจึงได้ยืนปักไม้บนหัวกบเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ กบมีจิตเลื่อมใสด้วยธรรมสัญญา
ทำกาละตายในขณะนั้นเอง ไปบังเกิดในวิมานทองสูง ๑๒ โยชน์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เป็นเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น เห็นตนถูกหมู่นางอัปสรแวดล้อม นึกดูว่า
เรามาแต่ไหนจึงบังเกิดในที่นี้ เห็นชาติก่อนนึกทบทวนดูว่า
เราเกิดในที่นี้และได้รับสมบัติเช่นนี้ เราทำกรรมอะไรหนอ ไม่เห็นกรรมอื่น
นอกจากถือนิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เทพบุตรนั้นมาพร้อมด้วยวิมานในขณะนั้นเอง ลงจากวิมานทั้งที่มหาชนเห็นอยู่นั่นแล
เข้าไปถวายบังคมพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า
แล้วยืนประคองอัญชลีนมัสการอยู่ ด้วยอานุภาพทิพย์ยิ่งใหญ่ด้วยบริวารหมู่ใหญ่
ลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเทพบุตรนั้น
เพื่อจะทรงทำผลแห่งกรรมและพุทธานุภาพให้ประจักษ์แก่มหาชน จึงตรัสถามว่า ใครรุ่งเรืองด้วยฤทธิ์
ด้วยยศ มีวรรณะงามทำทิศทุกทิศให้สว่างไสว กำลังไหว้เท้าของเรา ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้โคดม
สัตว์เหล่าใดทำบุญไว้แล้ว มิได้ฟังธรรมสิ้นเวลานิดหน่อย
เหมือนข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว คือได้โอกาสที่จะฟังพระธรรมของพระองค์ตลอดเวลานาน
สัตว์เหล่านั้นชื่อว่าทำลายสังสารวัฏเด่นชัดตลอดกาลนาน
สัตว์เหล่านี้ไปในที่ใดไม่พึงเศร้าโศก สัตว์เหล่านั้นถึงที่นั้นที่ไม่เศร้าโศก
อันชื่อว่าไม่หวั่นไหว เพราะความเป็นของเที่ยง คือสันติบท (พระนิพพาน)
เพราะถึงสันติบทนั้น สัตว์เหล่านั้นจึงไม่มีอันตราย
ลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูอุปนิสัยสมบัติของเทพบุตรนั้น
และของบริษัทที่ประชุมกันอยู่ แล้วทรงแสดงธรรมโดยพิสดาร จบเทศนา
เทพบุตรนั้นตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล สัตว์แปดหมื่นสี่พันได้ตรัสรู้ธรรม
เทพบุตรนั้นถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณ ทำอัญชลีแด่ภิกษุสงฆ์
พร้อมด้วยบริวารกลับเทวโลก
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า แม้กบที่เป็นสัตว์ดิรัจฉาน
ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้จะไม่เข้าใจแต่ด้วยจิตที่เลื่อมใสในขณะฟังธรรมนั้น
ยังเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
บุคคลใดก็ตามทำจิตให้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระรัตนตรัย
อานิสงค์ย่อมไม่มีประมาณยากที่จะคำนวณว่าได้เท่าไหร่
ดังนั้นอาตมาก็ขอเชิญผู้มีบุญทุกท่านทั่วโลกมาเอาบุญด้วยกัน ด้วยการสวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตนสูตร
ด้วยจิตอันเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระธรรมคำสั่งสอนของท่าน
อานิสงค์อันไม่มีประมาณจะได้เกิดขึ้นแก่พวกเราทุกคน
ดังโอวาทที่หลวงพ่อธัมมชโย ท่านเคยให้ไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ไว้ว่า
ด้วยอานุภาพของการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยที่มีคุณไม่มีประมาณ
จะช่วยขจัดทุกข์โศกโรคภัย สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ
ที่มาเกิดกับเราและมวลมนุษยชาติทั้งหลายให้ละลายหายสูญไป ในการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยนั้น
เราต้องฝึกท่องบทสวดให้จำได้จนคล่องปากขึ้นใจ ขณะสวดให้นั่งพับเพียบ พนมมือ หลับตา
เอาใจจรดไปที่ศูนย์กลางกาย นึกถึงองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ โตใหญ่ขนาดไหนก็ได้
แล้วแต่ใจเราชอบ หากยังนึกไม่เห็น ไม่เป็นไร ให้ทำความรู้สึกว่า
มีองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ อยู่ในกลางท้องของเรา แล้วทำความรู้สึกประหนึ่งว่า
เรานั่งอยู่ในอายตนนิพพาน กำลังเข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์ เสียงที่เปล่งออกมา ไม่ใช่ว่าดังออกมาจากปาก
หรือว่าแค่คอของเราเท่านั้น
แต่ให้เป็นเสียงแก้วที่กลั่นออกมาแล้วจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ภายในลึก ๆ
จากองค์พระใส ๆ จากดวงธรรมใส ๆ ผ่านศูนย์กลางกาย หรือจำง่าย ๆ ว่า
เสียงสวดมนต์นั้นได้เปล่งออกมาจากกลางท้อง แล้วค่อยออกมาที่ปากของเรา
เสียงที่เปล่งออกมา ให้เป็นเสียงที่ดังพอดี ๆ ไม่ดังในระดับเสียงตะโกน
หรือไม่ค่อยเหมือนเสียงกระซิบ แต่ให้ดังในระดับที่เราได้ยินด้วยหูของเราเอง
และคนข้าง ๆ ได้ยินเสียงที่สวดออกมาดี จะมีอานุภาพไปไกล ที่กายละเอียดทั้งหลาย
หรือใครที่ได้ยินได้ฟังก็จะชุ่มชื่น จิตใจเบิกบาน สว่างไสว
และไม่ใช่ว่าสวดเฉพาะพวกเรา
แม้กายละเอียดที่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยก็จะร่วมสวดไปพร้อม ๆ กันด้วย
ทุกครั้งที่เราสวดมนต์ ใจเราก็จะถูกกลั่นให้สะอาดบริสุทธิ์ บุญก็เกิดขึ้นกับตัวเรา ใจก็เป็นมงคล ปากเราก็เป็นมงคล หูเราก็เป็นมงคล ทั้งเนื้อทั้งตัวเราเป็นสิริมงคลทั้งหมด วิบากกรรมที่ติดมาข้ามภพข้ามชาติ เพราะอกุศลเข้าสิงจิต ทำให้เราพลาดพลั้งคิดผิด พูดผิด ทำผิด ก็จะถูกกลั่นแก้ไปด้วย หนักก็จะเป็นเบา เบาก็จะหาย จิตใจที่ขุ่นมัวก็จะใสสว่างไม่เพียงเท่านั้น เสียงที่กระจายออกไปจากใจใส ๆ ที่เกิดจากความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยนั้น จะเชื่อมเป็นพลังใจซึ่งกันและกัน กระจายขยายเชื่อมกับบรรยากาศ รอบตัว แล้วแผ่ขยายไปทุกทิศทุกทาง ไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว จักรวาลน้อยใหญ่ต่าง ๆ อันไม่มีประมาณ จะเป็นกระแสคลื่นแห่งความบริสุทธิ์ที่ขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่จะช่วยขจัดสิ่งที่เป็นมลทินที่อยู่ในบรรยากาศ ทุกข์ โศก โรคภัย สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ก็จะละลายหายสูญไป ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความคิดเบียดเบียนกันก็จะค่อย ๆ ละลายจางหายไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เป็นมลทินต่าง ๆ จะค่อย ๆ ถูกกลั่นแก้กันไป
การสวดสรรเสริญบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
ใช้เวลาสวดเพียงสั้น ๆ ไม่กี่นาที แต่อานิสงส์นั้นมีมากมาย จะทำให้ใจเราผ่องใส
เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมองสุคติเป็นที่ไป เราจะนำเงินทอง อัญมณี รัตนอันมีค่า
หรือนำเงินไปซื้อทองเท่าภูเขาเพื่อไปต่อรองกับพญายมราช ให้บุคคลผู้มีใจเศร้าหมองไม่ต้องไปอบายนั้นไม่ได้
แต่จิตใจอันผ่องใสเราได้มาด้วยอานุภาพแห่งการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยอันมีคุณไม่มีประมาณ
เมื่อใจเราผูกพันกับพระรัตนตรัย จิตใจผ่องใส สุคติก็เป็นที่ไป
เพราะฉะนั้นต้องหมั่นสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยด้วยจิตอันเลื่อมใสกันทุก
ๆ วัน และเวลาสวดให้สวดด้วยใจที่ชุ่มชื่น เบิกบาน
ให้มีความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง
สวดมนต์อย่างถูกหลักวิชชาอย่างนี้จึงจะเรียกว่า สวดมนต์เห็นธรรม
ที่มีอานิสงส์ไม่มีประมาณ
Cr.พระมหาวัชระ วิทูรชโย ป.ธ.9
วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เป็นวันมหาปูชนียาจารย์ วัดพระธรรมกาย เรียนเชิญทุกท่านร่วมสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรให้ได้ 2,105,333,333 จบ เพื่อน้อมบูชาธรรมถวายมหาปูชนียาจารย์ครูผู้มีพระคุณ ศิษย์ดีต้องมีความกตัญญู ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี
ทำที่ท่านได้ที่เรา บุญใหญ่รอทุกท่านอยู่ มากันเยอะๆนะคะ
กราบขอบพระคุณที่มาแห่งบลอคที่สมบูรณ์
พระธรรมเทศนาโดยพระมหาวัชระ วิทูรชโย ป.ธ.9 เรื่อง กบน้อยผู้มีจิตเลื่อมใส
ภาพประกอบ : www.google.com ,www.dmc.tv
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุครับ
ตอบลบอนุโมทนาบุญกับบทความธรรมะที่ให้ข้อคิดดีๆแบบนี้ครับ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบ