วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

3 กุมภาพันธ์ วันมหาปูชนียาจารย์ มีความสำคัญอย่างไร ?






พิธีจุดโคมประทีปวันมาฆบูชา วัดพระธรรมกาย น้อมถวายเป็นพุทธบูชา




ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่กำลังจะมาถึงนี้ นอกจากจะเป็นวันมาฆบูชา วันสำคัญในทางพระพุทธศาสนาและเป็นสำคัญวันหนึ่งของพุทธศาสนิกชนทุกท่าน อันเป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “ โอวาทปาฏิโมกข์ ” อันเป็นหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นวันที่สำคัญสำหรับนักสร้างบารมีทุกท่าน คือ วันครบรอบ 5 ทศวรรษ ของการสร้างวัดพระธรรมกาย

ยุคขุดดินก้อนแรกในวันมาฆบูชา ปี 2513

นับแต่การขุดดินก้อนแรก เมื่อวันมาฆบูชา ปี 2513 จนถึงวันนี้  วัดพระธรรมกายก็ยังทำหน้าที่เผยแผ่พระสัทธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเผยแผ่วิชชาธรรมกาย ท่ามกลางกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงไปของโลก 


 วัดพระธรรมกายครบ 50 ปี ยุคเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก

แม้จะมีอุปสรรคผ่านเข้ามาเป็นบททดสอบนานัปประการ แต่วัดพระธรรมกายของพวกเราเหล่านักสร้างบารมี ก็ยังคงงดงามเด่นเป็นหลักชัยแห่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกายเสมอมา


แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากบุคคลสำคัญ 3 ท่านนี้อันเป็นุคคลที่พวกเรายกว่าเป็น “มหาปูชนียาจารย์” อันแปลว่า บุคคลผู้ควรแก่การบูชาอย่างยิ่งใหญ่ อันได้แก่ หลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายให้หวนคืนกลับมาสู่โลกใบนี้ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาทองสุก สำแดงปั้น(ครูผู้สอนสมาธิท่านแรกของคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง) และ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง (ครูผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย) หากปราศจากทั้ง 3 ท่านนี้ วัดพระธรรมกายคงไม่สามารถเกิดขึ้น และเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ได้



                    



ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ วันมหาปูชนียาจารย์ เป็นวันสำคัญ คือเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงปู่สดวัดปากน้ำภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ประการหนึ่ง เป็นวันคล้ายวันละสังขารของคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาทองสุก สำแดงปั้น อีกประการหนึ่ง  และวันสลายร่างคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง อีกประการหนึ่ง

มหาปูชนียาจารย์ผู้เป็นที่เคารพและบูชาของศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก
www.dmc.tv


เพราะฉะนั้น จึงเป็นการควรที่ลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงปู่ และ คุณยายอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน ผู้เป็นนักสร้างบารมี ซึ่งแต่ละคนนั้นได้มารู้จักเป้าหมายชีวิตและทุ่มใจสร้างบารมีจนทุกวันนี้ ก็เพราะได้มารู้จักบุญสถานอันศักดิ์สิทธ์อันเกิดขึ้นจากเมตตาคุณแห่งมหาปูชานียาจารย์ทั้ง 3 ท่าน จะได้มาพร้อมใจกันปฏิบัติบูชาด้วยการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อันเป็นปฐมเทศนา และเป็นแม่บทแห่งพระสัทธรรม เพื่อบูชาคุณท่านผู้เลิศทั้ง 3 ท่าน

ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี 
คนดีต้องมีความกตัญญู ทำที่ท่านได้ที่เรา



ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 3กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 วันมหาปูชนียาจารย์ ที่จะมาถึงนี้ วัดพระธรรมกาย จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกันทำเป้าหมายให้สำเร็จ ด้วยการสวดธัมจักกัปปวัตตนสูตรให้ครบ 2,105,333,333 จบ เพื่อบูชาคุณประกาศคุณมหาปูชนียาจารย์ โดยพร้อมเพรียงกัน

Cr.ภาสกร ป.


ขอกราบอนุโมทนาบุญล่วงหน้าแด่ยอดนักสร้างบารมีลูกหลานหลวงปู่และคุณยายมา ณ โอกาสนี้ สาธุ

กราบขอบพระคุณที่มาแห่งความสมบูรณ์ของบลอค :
นักเขียนอิสระ : ภาสกร ป.
ประวัติของคุณยายทั้ง 2 ท่าน : www.dmc.tv , www.winnews.tv
ประวัติของหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ 

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563

สวดมนต์เห็นธรรมมีคุณอันไม่มีประมาณ...มาสวดธัมมจักกฯกัน


กบน้อยผู้มีจิตเลื่อมใส
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกาย อปทาน
ความว่า
เอวํ อจินฺติยา พุทฺธา     พุทฺธธมฺมา อจินฺติยา
อจินฺติเยสุ ปสนฺนานํ     วิปาโก โหตฺยจินฺติโย.
พระพุทธเจ้าเป็นอจินไตย พระธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นอจินไตย วิบากของบุคคลผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าและพระธรรมของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นอจินไตย ก็เป็นอจินไตย.


(ขุททกนิกาย อปทาน)


ก่อนอื่นจะได้อธิบายความหมายของคำว่า อจินไตย ก่อนเพราะบางท่านก็ยังไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนหรือบางท่านเคยได้ยินมาแล้วก็ถือว่าทบทวนก็แล้วกัน คำว่า อจินไตย แปลว่า สิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึง สิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญชนของปุถุชนคนทั่วไปได้ มีอยู่ 4 อย่าง คือ
1.พุทธวิสัย วิสัยแห่งความอัศจรรย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
2.ฌานวิสัย วิสัยแห่งฤทธิ์ต่างๆของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
3.กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม คือการตามให้ผลของกรรมดีและกรรมชั่ว
4.โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก สวรรค์ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ชีวิตในสังสารวัฏ


ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องเหล่านี้เพราะจะเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้าได้ เพราะเป็นเรื่องที่จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อบรรลุธรรมขั้นสูงๆขึ้นไปเท่านั้น ดังเช่นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน ดังเรื่องมัณฑุกเทวบุตรผู้มีจิตเลื่อมใสในพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอดีตชาติท่านเกิดเป็นกบอยู่ที่ริมสระน้ำแห่งหนึ่ง ที่อาตมาจะได้เล่าเรื่องมัณฑูกเทวบุตรพอเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ดังต่อไปนี้



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ริมฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคครา นครจัมปาเวลาใกล้รุ่งเช้าของวันใหม่ พระองค์ทรงเข้ามหากรุณาสมาบัติอันเป็นพุทธาจิณวัตร ทรงออกจากสมาบัตินั้นแล้ว ทรงตรวจดูเหล่าสัตว์ที่พอจะแนะนำสอนให้บรรลุธรรมได้ ทรงเห็นว่า เวลาเย็นของวันนี้ เมื่อเรากำลังแสดงธรรม กบตัวหนึ่งถือนิมิตในเสียงของเราแล้วก็จะตายด้วยความพยายามของผู้อื่นแล้วบังเกิดในเทวโลก คนเป็นจำนวนมากจักได้เข้าถึงธรรมในที่นั้นเหมือนกัน ครั้นทรงเห็นแล้ว ในเวลาเช้า ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในจัมปานครพร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ ทรงทำให้ภิกษุทั้งหลายหาบิณฑบาตได้ง่าย เสวยภัตกิจเสร็จแล้วเสด็จเข้าพระวิหาร


กลุ่มคนต้อนเลี้ยงโค
เมื่อภิกษุทั้งหลายทำวัตรปฏิบัติเสร็จแล้วไปที่พักกลางวันของตนๆ ก็เสด็จเข้าพระคันธกุฎี ทรงใช้เวลาครึ่งวันให้หมดไปด้วยสุขในผลสมาบัติ ในเวลาเย็นเมื่อบริษัททั้ง 4 ประชุมกันเพื่อฟังธรรม พระองค์ก็ทรงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี เสด็จเข้ามณฑปศาลาประชุมธรรม ริมฝั่งสระโบกขรณี ด้วยพระปาฏิหาริย์ ประทับนั่งเหนือพระบวรพุทธอาสน์ที่ประดับไว้ ทรงเปล่งพระสุรเสียงเพียงดังเสียงพรหม ราวกะว่าพญาไกรสรสีหราชมิหวาดหวั่น บันลือสีหนาทเหนือพื้นมโนศิลาฉะนั้น ทรงเริ่มแสดงธรรมด้วยพระพุทธสีลาอันหาอุปมามิได้ ด้วยพระพุทธานุภาพอันเป็นอจินไตย ในขณะนั้น กบตัวหนึ่งมาจากสระโบกขรณี จึงนอนถือนิมิตในพระสุรเสียงด้วยธรรมสัญญาว่านี้ เรียกว่าธรรม อยู่ท้ายบริษัท







กบตายขณะกำลังฟังธรรม


ขณะนั้น คนเลี้ยงลูกโคคนหนึ่งมาถึงที่นั้น เห็นพระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ และบริษัทกำลังฟังธรรมอย่างสงบเงียบ คนเลี้ยงโคก็ได้ยืนฟังธรรมส่งใจไปตามเสียงในเรื่องนั้น ยืนถือไม้ [สำหรับต้อนโค] ไม่ทันเห็นกบจึงได้ยืนปักไม้บนหัวกบเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ กบมีจิตเลื่อมใสด้วยธรรมสัญญา ทำกาละตายในขณะนั้นเอง ไปบังเกิดในวิมานทองสูง ๑๒ โยชน์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น เห็นตนถูกหมู่นางอัปสรแวดล้อม นึกดูว่า เรามาแต่ไหนจึงบังเกิดในที่นี้ เห็นชาติก่อนนึกทบทวนดูว่า เราเกิดในที่นี้และได้รับสมบัติเช่นนี้ เราทำกรรมอะไรหนอ ไม่เห็นกรรมอื่น นอกจากถือนิมิตในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาคเจ้า เทพบุตรนั้นมาพร้อมด้วยวิมานในขณะนั้นเอง ลงจากวิมานทั้งที่มหาชนเห็นอยู่นั่นแล เข้าไปถวายบังคมพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า แล้วยืนประคองอัญชลีนมัสการอยู่ ด้วยอานุภาพทิพย์ยิ่งใหญ่ด้วยบริวารหมู่ใหญ่

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเทพบุตรนั้น เพื่อจะทรงทำผลแห่งกรรมและพุทธานุภาพให้ประจักษ์แก่มหาชน จึงตรัสถามว่า ใครรุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ ด้วยยศ มีวรรณะงามทำทิศทุกทิศให้สว่างไสว กำลังไหว้เท้าของเรา  ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้โคดม สัตว์เหล่าใดทำบุญไว้แล้ว มิได้ฟังธรรมสิ้นเวลานิดหน่อย เหมือนข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว คือได้โอกาสที่จะฟังพระธรรมของพระองค์ตลอดเวลานาน สัตว์เหล่านั้นชื่อว่าทำลายสังสารวัฏเด่นชัดตลอดกาลนาน สัตว์เหล่านี้ไปในที่ใดไม่พึงเศร้าโศก สัตว์เหล่านั้นถึงที่นั้นที่ไม่เศร้าโศก อันชื่อว่าไม่หวั่นไหว เพราะความเป็นของเที่ยง คือสันติบท (พระนิพพาน) เพราะถึงสันติบทนั้น สัตว์เหล่านั้นจึงไม่มีอันตราย

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูอุปนิสัยสมบัติของเทพบุตรนั้น และของบริษัทที่ประชุมกันอยู่ แล้วทรงแสดงธรรมโดยพิสดาร จบเทศนา เทพบุตรนั้นตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล สัตว์แปดหมื่นสี่พันได้ตรัสรู้ธรรม เทพบุตรนั้นถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณ ทำอัญชลีแด่ภิกษุสงฆ์ พร้อมด้วยบริวารกลับเทวโลก

กบเมื่อตายขณะจิตเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อตายมาบังเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า แม้กบที่เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้จะไม่เข้าใจแต่ด้วยจิตที่เลื่อมใสในขณะฟังธรรมนั้น ยังเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บุคคลใดก็ตามทำจิตให้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระรัตนตรัย อานิสงค์ย่อมไม่มีประมาณยากที่จะคำนวณว่าได้เท่าไหร่



ดังนั้นอาตมาก็ขอเชิญผู้มีบุญทุกท่านทั่วโลกมาเอาบุญด้วยกัน ด้วยการสวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตนสูตร ด้วยจิตอันเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระธรรมคำสั่งสอนของท่าน อานิสงค์อันไม่มีประมาณจะได้เกิดขึ้นแก่พวกเราทุกคน ดังโอวาทที่หลวงพ่อธัมมชโย ท่านเคยให้ไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ไว้ว่า


ด้วยอานุภาพของการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยที่มีคุณไม่มีประมาณ จะช่วยขจัดทุกข์โศกโรคภัย สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่มาเกิดกับเราและมวลมนุษยชาติทั้งหลายให้ละลายหายสูญไป ในการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยนั้น เราต้องฝึกท่องบทสวดให้จำได้จนคล่องปากขึ้นใจ ขณะสวดให้นั่งพับเพียบ พนมมือ หลับตา เอาใจจรดไปที่ศูนย์กลางกาย นึกถึงองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ โตใหญ่ขนาดไหนก็ได้ แล้วแต่ใจเราชอบ หากยังนึกไม่เห็น ไม่เป็นไร ให้ทำความรู้สึกว่า มีองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ อยู่ในกลางท้องของเรา แล้วทำความรู้สึกประหนึ่งว่า เรานั่งอยู่ในอายตนนิพพาน กำลังเข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์ เสียงที่เปล่งออกมา ไม่ใช่ว่าดังออกมาจากปาก หรือว่าแค่คอของเราเท่านั้น แต่ให้เป็นเสียงแก้วที่กลั่นออกมาแล้วจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ภายในลึก ๆ จากองค์พระใส ๆ จากดวงธรรมใส ๆ ผ่านศูนย์กลางกาย หรือจำง่าย ๆ ว่า เสียงสวดมนต์นั้นได้เปล่งออกมาจากกลางท้อง แล้วค่อยออกมาที่ปากของเรา เสียงที่เปล่งออกมา ให้เป็นเสียงที่ดังพอดี ๆ ไม่ดังในระดับเสียงตะโกน หรือไม่ค่อยเหมือนเสียงกระซิบ แต่ให้ดังในระดับที่เราได้ยินด้วยหูของเราเอง และคนข้าง ๆ ได้ยินเสียงที่สวดออกมาดี จะมีอานุภาพไปไกล ที่กายละเอียดทั้งหลาย หรือใครที่ได้ยินได้ฟังก็จะชุ่มชื่น จิตใจเบิกบาน สว่างไสว และไม่ใช่ว่าสวดเฉพาะพวกเรา แม้กายละเอียดที่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยก็จะร่วมสวดไปพร้อม ๆ กันด้วย

ทุกครั้งที่เราสวดมนต์ ใจเราก็จะถูกกลั่นให้สะอาดบริสุทธิ์ บุญก็เกิดขึ้นกับตัวเรา ใจก็เป็นมงคล ปากเราก็เป็นมงคล หูเราก็เป็นมงคล ทั้งเนื้อทั้งตัวเราเป็นสิริมงคลทั้งหมด วิบากกรรมที่ติดมาข้ามภพข้ามชาติ เพราะอกุศลเข้าสิงจิต ทำให้เราพลาดพลั้งคิดผิด พูดผิด ทำผิด ก็จะถูกกลั่นแก้ไปด้วย หนักก็จะเป็นเบา เบาก็จะหาย จิตใจที่ขุ่นมัวก็จะใสสว่างไม่เพียงเท่านั้น เสียงที่กระจายออกไปจากใจใส  ที่เกิดจากความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยนั้น จะเชื่อมเป็นพลังใจซึ่งกันและกัน กระจายขยายเชื่อมกับบรรยากาศ รอบตัว แล้วแผ่ขยายไปทุกทิศทุกทาง ไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว จักรวาลน้อยใหญ่ต่าง  อันไม่มีประมาณ จะเป็นกระแสคลื่นแห่งความบริสุทธิ์ที่ขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่จะช่วยขจัดสิ่งที่เป็นมลทินที่อยู่ในบรรยากาศ ทุกข์ โศก โรคภัย สิ่งที่ไม่ดีต่าง  ก็จะละลายหายสูญไป ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความคิดเบียดเบียนกันก็จะค่อย  ละลายจางหายไปเรื่อย  สิ่งที่เป็นมลทินต่าง  จะค่อย  ถูกกลั่นแก้กันไป


การสวดสรรเสริญบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ใช้เวลาสวดเพียงสั้น ๆ ไม่กี่นาที แต่อานิสงส์นั้นมีมากมาย จะทำให้ใจเราผ่องใส เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมองสุคติเป็นที่ไป เราจะนำเงินทอง อัญมณี รัตนอันมีค่า หรือนำเงินไปซื้อทองเท่าภูเขาเพื่อไปต่อรองกับพญายมราช ให้บุคคลผู้มีใจเศร้าหมองไม่ต้องไปอบายนั้นไม่ได้ แต่จิตใจอันผ่องใสเราได้มาด้วยอานุภาพแห่งการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยอันมีคุณไม่มีประมาณ เมื่อใจเราผูกพันกับพระรัตนตรัย จิตใจผ่องใส สุคติก็เป็นที่ไป

เพราะฉะนั้นต้องหมั่นสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยด้วยจิตอันเลื่อมใสกันทุก ๆ วัน และเวลาสวดให้สวดด้วยใจที่ชุ่มชื่น เบิกบาน ให้มีความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง สวดมนต์อย่างถูกหลักวิชชาอย่างนี้จึงจะเรียกว่า สวดมนต์เห็นธรรม ที่มีอานิสงส์ไม่มีประมาณ
  Cr.พระมหาวัชระ วิทูรชโย ป.ธ.9





วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เป็นวันมหาปูชนียาจารย์ วัดพระธรรมกาย เรียนเชิญทุกท่านร่วมสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรให้ได้ 2,105,333,333 จบ เพื่อน้อมบูชาธรรมถวายมหาปูชนียาจารย์ครูผู้มีพระคุณ ศิษย์ดีต้องมีความกตัญญู ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี ทำที่ท่านได้ที่เรา บุญใหญ่รอทุกท่านอยู่ มากันเยอะๆนะคะ

กราบขอบพระคุณที่มาแห่งบลอคที่สมบูรณ์

พระธรรมเทศนาโดยพระมหาวัชระ วิทูรชโย ป.ธ.9 เรื่อง กบน้อยผู้มีจิตเลื่อมใส
ภาพประกอบ : www.google.com ,www.dmc.tv

ประโยชน์ที่ได้รับ...จากการทำสมาธิ

    สมาธิก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง บางคนหากไม่ได้สังเกตก็อาจไม่ทันรู้ตัวว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นเป็นผลมาจากสติปั...